2013-03-10 "จงให้ตนจูงใจตน... มิใช่ให้ใครจูงจมูก”
“จงให้ตนจูงใจตน... มิใช่ให้ใครจูงจมูก”
“บุตรคนเล็กรวบรวมทุกสิ่งที่มี...แล้วเดินทางไปยังประเทศห่างไกล... ที่นั่นเขาประพฤติเสเพลผลาญเงินทองจนหมดสิ้น”
ทุกวันนี้สังเกตใหม่ครับว่าเราเดินกันได้ตรงทางมากน้อยแค่ไหน....??? วันวันหนึ่งหากเราตั้งใจนับดูว่ากว่าเราจะออกจากบ้านและเดินทางไปถึงจุดหมายของเราไม่ว่าจะเป็นห้องทำงานสำหรับผู้ใหญ่คุณพ่อคุณแม่หรือห้องเรียนหากเป็นเด็ก-เยาวชนในวัยเรียนเราเดินตรงไปยังเป้าหมายของชีวิตของเราอย่างตรงไปตรงมาหรือเรามักจะถูกดึงดูดจากสิ่งต่างๆสถานการณ์ต่างๆที่แวดล้อมเรา... จนเราก็ไม่รู้ไม่แน่ใจว่าจุดที่เรายืนอยู่นั้น... มันคือเป้าหมายของเราจริงๆแต่เริ่มต้นหรือไม่???
ลองกลับไปสังเกตดูครับ ระหว่างทางมีหลายสิ่งที่ดึงให้เราแวะและออกนอกเส้นทาง หากโชคดีไป(ที่จริงไม่ใช่โชคหรอกครับ) เราอาจจะตั้งสติและหันกลับมาสู่ทางของเราได้เร็วหน่อย แต่ก็มีหลายคนเหมือนกันที่เตลิดเปิดเปิงไปไกลจนมองกลับมาไม่เห็นเป้าหมายในชีวิตของตน... ที่เรามักจะกล่าวกันว่า“เสียคน!!!” เป็นต้นบรรดาเด็กเยาวชนลูกหลานของเรานั้นน่าสงสารที่สุดเนื่องจากพวกเขายังมีประสบการณ์น้อยเกินกว่าจะทัดทานตัวล่อตัวหลอกตัวยั่วตัวยวนให้พวกเขาหลงและคล้อยตามไป
“บิดามองเห็นเขารู้สึกสงสารจึงวิ่งไปสวมกอดและจูบลูกชายคนเล็ก”
ออกจากบ้านในช่วงเวลาของสังคมที่เราไม่ค่อยจะทำอาหารเช้าทานกันแล้วเพราะไม่ทันกับเวลาที่บีบเร่งในปัจจุบันพอออกจากบ้านก็มองหาหมูปิ้ง-ข้าวเหนียวแน่นอนแวะกันหน่อย เดินทางต่อแล้วหันไปเห็นร้านของเล่น-หนังสือการ์ตูนแวะอีกนิดด้วยยังพอมีเวลา เพื่อนชวนไปเดินเล่นกินขนม...วิ่งสักหน่อยก็ทันเข้าแถวเข้าห้องเข้าทำงาน... เดี๋ยวจะเสียเพื่อน... รู้สึกตัวอีกที... แวะร้านสะดวกซื้อสะดวกอิ่มใกล้บ้านเมื่อตอน6 โมงเย็น... โดยที่ไม่ได้เข้าโรงเรียนหรือเข้าที่ทำงาน พี่น้องเคยพบเจอกับตัวเองเช่นนี้บ้างไหม
หลายครั้งที่เราพบตัวเราเองเป็นเช่นนี้ เราก็สงสารตัวเองเสียใจกับเรื่องผิดพลาดที่เราได้ก่อขึ้นไว้ แม้จะตั้งใจว่าครั้งใหม่เราจะต้องสู้และต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ หลายครั้งเราก็พลาดอีกพลาดอีก... เศร้าใจ จงอย่าดูถูกไป... กับเรื่องความอ่อนแอของเรา ด้วยความอ่อนแอของลูกชายคนเล็ก ทำให้เราเห็นถึงความรักเมตตาของพระบิดาที่มีต่อเขา เช่นกันมีต่อเราด้วย... ที่สำคัญคือณเวลานี้ลูกชายคนเล็กเห็นความรักของพ่อแล้วเขาก็สำนึกแล้วปรับเปลี่ยนจิตใจและชีวิตเรา ที่นี้หละ คงหันมาดูตัวเราเอง เราพบความรักของพระบิดาแล้วเราปรับตัวของเราไปเป็นเช่นไร
“เพราะน้องชายของลูกคนนี้ตายไปแล้วกลับมีชีวิตอีกหายไปแล้วได้พบกันอีก”
ให้ความรักของพระบิดาเป็นพระเมตตารักสำหรับเราเถิดให้จูงใจของเราให้หัวใจของเราที่หมดแรงตายไปแล้ว หัวใจของเราที่ห่างหายไปจากพระองค์ได้หันกลับมาหาพระองค์เถิดครับ “จงกลับมาหาความรักของพระบิดาเถิดหัวใจของข้าฯ”
ทุกวันนี้เราให้ใครจูงจมูกเราให้หันเหไป... ไปทางนั้นทีทางนู้นทีพี่น้อง หรือ“หัวใจของเราเราให้ตัวเองเราให้ความรักของพระบิดาจูงใจของเรา” “มิใช่ให้ใครมาจูงจมูก” ....