พลานุภาพของสภาวะจิตวิญญาณที่ยากจน
เราได้รับฟังบุญลาภ แปด ประการในวันสมโภชนักบุญทั้งหลาย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ถ้าเราใช้ความสังเกตเกี่ยวกับ บุญลาภทั้ง 8 พระเยซูเจ้าทรงเริ่มต้นด้วย
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” (มัทธิว บทที่ 5 ข้อ 3)
ในบรรดาบุญลาภทั้ง 8 ข้อ ความยากจนมาเป็นอันดับ 1
ทำไมต้องเป็นความยากจน? ทำไมถึงไม่เป็นความเมตตา หรือ ความบริสุทธิ์?
เพราะความยากจนเป็นฤทธิ์กุศลที่สำคัญ
ในคราวที่ คุณแม่เทเรซา แห่ง อาวีลา ได้รับเรียกจากพระเยซูเจ้า ให้ทำการปฏิรูป คณะคาร์แมล หรือ ปฏิรูปวิถีชีวิต ของ ซิสเตอร์คาร์เมไลต์ หรือ ที่เราเรียกกันติดปากในปัจจุบันว่า ชีลับ
พระเยซูเจ้าทรงเน้นฤทธิ์กุศลอันแรก ที่ซิสเตอร์ทุกคนจะต้องถือปฏิบัติ และต้องถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดเป็นอันดับแรกคือ “ความยากจน”
เพราะเมื่อสามารถปฏิบัติฤทธิ์กุศลแห่งความยากจนได้แล้ว ฤทธิ์กุศลอื่นๆ จะปฏิบัติได้ง่ายขึ้น
ดังนั้น ในบุญลาภ 8 ประการ ความยากจนจึงมาอยู่ในอันดับต้นของฤทธิ์กุศลอีก 7 ประการ
และถ้าเราจะมองดูชีวิตของพระเยซูเจ้า เราจะเห็นความยากจน เป็นส่วนสำคัญของชีวิตของพระองค์ตั้งแต่เกิดจนตาย
พระเยซูเจ้าทรงใช้ความยากจนเป็นจุดเริ่มต้นของงานไถ่กู้ของพระองค์
พระองค์ทรงเลือกเกิดจาก บิดามารดา ที่ยากจน ทรงเกิดอย่างยากจน ในถ้ำเลี้ยงสัตว์ โดยมีผ้าผืนเดียวพันกาย เจริญชีวิตอย่างช่างไม้ยากจน ออกเทศนาอย่างยากจน โดยไม่มีที่พักเป็นหลักเป็นแหล่ง ทรงเดินทางไปเรื่อยๆ อาศัยนอนกับชาวบ้าน หรือคนรู้จัก สุดท้ายก็ตายอย่างยากจน โดยมีผ้าพันกายเพียงผืนเดียว
ขออธิบายความหมายของความยากจนอย่างสั้นๆ พอที่จะเข้าใจง่ายๆ คือ ความยากจน ไม่ได้มีความหมายแคบๆ เพียงแค่ ไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สินสมบัติเป็นของตัวเอง แต่ความยากจนในความหมายของพระเยซูเจ้า คือ สภาวะของชีวิตและจิตวิญญาณที่เป็นอิสระ ชีวิตของผู้ที่ปฏิบัติความยากจนเป็นสภาวะของการปล่อยวางตัวตน จากเกียรติยศ ชื่อเสียง ศักดิ์ศรี เงินทอง ข้าวของ และแม้กระทั่งชีวิตครอบครัว รวมทั้งความผูกพันส่วนบุคคล ความยากจนคือ การมีสภาวะจิตที่ไม่ครอบครอง สิ่งใดเลย ไม่แม้แต่มีความปรารถนาที่จะครอบครอง ความยากจนจะทำให้ผู้นั้น ไม่ยึดตัวตนเป็นที่ตั้ง ไม่ทำตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ดังนั้นคนที่ปฏิบัติความยากจน จะสามารถนบนอบเชื่อฟังได้ง่ายๆ เพราะเขาจะไม่ยึดเอาน้ำใจ หรือ ความอยาก ความปรารถนาของตัวเองเป็นที่ตั้ง พร้อมจะปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ที่เหนือกว่าตน ใครบอกอะไร แนะนำอะไรก็พร้อมที่จะทำ อ่านฟิลิปปี บทที่ 2 ข้อ 5-8
“จงมีความรู้สึกนึกคิดเช่นเดียวกับที่พระคริสตเยซูทรงมีเถิด แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่า ศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้น เป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น ทรงรับสภาพดุจทาส เป็นมนุษย์ดุจเรา ทรงแสดงพระองค์ในธรรมชาติมนุษย์ทรงถ่อมพระองค์ลงจนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน”
นั่นคือความหมายแท้ๆของความยากจน
หญิงม่ายยากจนในหนังสือพงษ์กษัตริย์ วันนี้ ยอมปฏิบัติตามคำขอร้องที่เอลียาห์สั่ง นั่นคือความเชื่อฟัง
หญิงม่ายยากจนอีกคนหนึ่งในพระวรสารยอมให้ แม้ 2 เหรียญสุดท้ายที่จะใช้ยังชีพ นั่นคือความเมตตา ความใจกว้าง
จิตวิญญาณที่ยากจน จะเป็นอย่างผู้หญิงทั้ง 2 คนนี้
และที่พระเยซูเจ้าบอกว่า “ยากจริงหนอที่คนมั่งมีจะเข้าสวรรค์” อย่าไปเข้าใจว่าคนมีเงินจะเข้าสวรรค์ไม่ได้ แต่ที่พระเยซูเจ้าต้องการจะบอกก็คือ คนที่มั่งมี หรือมีใจมั่งมี ยึดเกาะอยู่กับทรัพย์สมบัติเกียรติยศชื่อเสียง จะปฏิบัติบทบัญญัติในข้ออื่นๆ ให้ครบสมบูรณ์ได้ยากยิ่ง และการไม่ปฏิบัติ หรือ ไม่สามารถปฏิบัติบทบัญญัติอื่นๆได้อย่างครบถ้วนนั่นแหละ คือ อุปสรรคของการเข้าสวรรค์ ไม่ใช่เพราะเงิน หรือ ทรัพย์สมบัติที่ตนมี เป็นต้นเหตุ เวลาที่คนคนหนึ่งไม่สามารถปล่อยวาง เงินทอง ทรัพย์สมบัติที่ตนมี เขาก็จะปล่อยวางสิ่งอื่นๆได้ยาก
สวัสดี…พ่อสานิจ