“วันสุดท้าย”
บทอ่านจากดาเนียลในวันนี้ เป็นบทอ่านที่ 12 ข้อ 1 ถึง 3 บรรยายถึงนิมิตของท่านเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลก
ส่วนมาระโก บทที่ 13 ข้อ 24-32 พูดถึงความทุกข์ยากต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเมื่อวันสิ้นโลกมาถึง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีอารมณ์ของความสุข และความชื่นชมยินดี เพราะองค์พระเป็นเจ้ากำลังจะเสด็จมาถึงแล้ว
บทอ่านทั้ง 2 บทนี้ลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ พูดถึงวันสุดท้ายของโลก
ทุกคนกำลังจับจ้อง คอยดูวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 ที่กำลังจะมาถึง มีหลายคนพูดว่าวันนั้นจะเป็นวันสิ้นโลก มีคำทำนายจากบุคคลต่างๆ ที่อวดอ้างตัวเองว่ารู้อนาคต ว่าวันนั้น “ใช่”แต่ก็มีอีกหลายคนทำตัวเป็นผู้รู้อนาคตเช่นกัน กล่าวขัดแย้งขึ้นมา บอกว่า “ยังไม่ใช่” กลายเป็นกลุ่มผู้อวดอ้างตนว่า “เป็นผู้รู้” ตีกันเองทางความคิด
มนุษย์ทำตัวเป็นผู้อวดรู้อนาคต
มนุษย์ทำตัวเป็นผู้อวดรู้ในทุกๆเรื่อง
แต่พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ปิดท้ายพระวรสารวันนี้กล่าวไว้อย่างชัดเจน “ส่วนเรื่องวันและเวลานั้น ไม่มีใครรู้เลย ทั้งบรรดาทูตสวรรค์ และแม้แต่พระบุตร (ก็ไม่รู้) นอกจากพระบิดาเพียงพระองค์เดียว”
พระวาจาประโยคนี้สามารถ หักล้างความอวดรู้ของมนุษย์ ทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นนอสตราดามุสในอดีต แล้วยังมีนอสตราดามุส แห่งบัลแกเรีย รวมทั้ง เอ็ดการ์ เคย์ซี นักพลังจิตผู้หยั่งรู้ หรือ บุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
ดังนั้น “วันสุดท้าย” นั้นคืออะไร ในความเป็นจริง?
“วันสุดท้าย” ที่ดาเนียลพูดถึง และพระเยซูเจ้าพูดซ้ำในพระวรสารก็คือ “ทุกๆวันที่เรากำลังมีชีวิตอยู่นี่แหละ” และเป็นต้น “วันนี้” ที่เรายังมีโอกาสมองเห็นแสงเดือน แสงตะวัน วันนี้ที่เราสามารถสูดอากาศรอบๆตัวเรา วันนี้ที่เรายังสามารถเดินไปโน่นไปนี่ ได้อย่างอิสระ เพราะวันวันนี้ เป็นวันสุดท้ายของทุกคนจริงๆ ไม่มีแม้แต่คนเดียวจะสามารถยืนยันได้ว่า “ตัวจะมีโอกาสมองเห็นแสงตะวันของวันพรุ่งนี้หรือไม่ ไม่มีใครยืนยันได้ว่า ตัวเองจะมีโอกาส ตื่นขึ้นมาสูดอากาศของวันพรุ่งนี้หรือไม่”
“วันนี้” คือวันที่มีความทุกข์ยากนานาชนิดอยู่รอบตัวเรา และเราทุกคนต้องยอมรับว่า การดำเนินชีวิตทุกวันนี้มีแต่ความทุกข์นานาชนิด รุมเร้า
“วันนี้คือวันสุดท้าย” ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ใช่ 21/12/2012 ไม่ใช่ 2013 ที่มีผู้ลุกขึ้นมาคัดง้าง ปี 2012 และก็ไม่ใช่ วันที่ยาย วานก้านักไสยศาสตร์แห่งบัลแกเรีย กล่าวทำนายไว้ ฯลฯ
เราจะต้องมองให้ออกว่า “วันเหล่านี้” ที่เรากำลังมีชีวิตอยู่ด้วยความทุกข์ยาก แท้จริงแล้วคือ “วันสุดท้าย” ของเรา และเราจะต้องรู้จักดำเนินชีวิตอย่างฉลาด นักบุญเปาโลจึงเตือนเราไว้ดังต่อไปนี้ “จงคอยระวังว่าท่านดำเนินชีวิตอย่างไร จงดำเนินชีวิตอย่างผู้เฉลียวฉลาด มิใช่อย่างผู้ขาดสติปัญญา (คนโง่) จงใช้เวลาปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะเราอยู่ในยุคแห่งความเลวร้าย” (ดู เอเฟซัส 5:15-16) และอีกข้อความหนึ่งของเปาโล “ในอดีตท่านเคยเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้า จงดำเนินชีวิตเช่นบุตรแห่งความสว่างเถิด ผลแห่งความสว่างคือ ความดี ความชอบธรรม และความจริงทุกประการ จงแสวงหาสิ่งที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพอพระทัย จงอย่าเกี่ยวข้องกับกิจการแห่งความมืด ซึ่งไร้ผล ตรงกันข้ามจงประณามกิจการเหล่านั้นเถิด” (ดู เอเฟซัส 5:8-11)
ขอสรุปด้วยคำคมของ สตีฟ จ๊อบส์ (Steve Jobs) ผู้ให้กำเนิด Apple ท่านกล่าวไว้ว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนมันเป็นวันสุดท้ายของคุณแล้วล่ะก็วันหนึ่งคุณจะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง”