ไตรภาค “แสงสว่างแห่งดวงดาวเด่นเป็นนิตย์” ตอนหนึ่ง
:ผู้สงบปากเงียบเพื่อรัก ผู้อดทนเพื่อรับใช้
บรรดาผู้ที่ช่วยคนจำนวนมากให้มีความชอบธรรม จะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป (ดนล 12:3)
หายไปหนึ่งสัปดาห์ด้วยนอนพักฟื้นจากการผ่าตัดในช่องปาก ระบมแผลและทานอาหารยากสักเล็กน้อย มาบัดนี้พอจะกลับมาประจำการเพื่อทักทายพูดคุยกับพี่น้องอีกครั้งหนึ่ง พี่น้องคริสตชนเรารักกันให้อภัยกันนะครับ
ใจจริงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะเขียนเรื่องกระแสเรียกต่อจากที่ค้างไว้ หากเผอิญมีเรื่องนี้เข้ามาในจิตใจก่อน ก็ขออภัยขอยกยอดเรื่องตอนต่อไปของกระแสเรียกออกไปก่อนนะครับ ครั้งนี้ตั้งใจเสนอเป็นไตรภาคครับ
วันหนึ่งขณะนอนพักฟื้น น้องๆเยาวชนนักศึกษาพยาบาลวิทยาลัยพยาบาลเซนต์หลุยส์กลุ่มหนึ่ง ได้มาเยี่ยมให้กำลังใจ ขณะเดียวกันก็ได้ติดต่อขอให้ช่วยไปพูดอบรมในกิจกรรมค่ายสัมพันธ์ของเพื่อนๆนักศึกษาพยาบาลด้วยกัน พ่อก็ตอบปากรับคำไปว่าจะไปช่วย ในใจก็พลางนึกทบทวน “เราจะเอาเรื่องอะไรที่ใกล้ตัวเราและใกล้ตัวพวกเขาเช่นกัน ไปพูดให้ถึงใจพวกเขาดีหว่า???”
บรรดาผู้ที่ช่วยคนจำนวนมากให้มีความชอบธรรม จะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป (ดนล 12:3)
เรื่องที่ใกล้ตัวเรา ณ เวลานี้ก็คงไม่พ้นเรื่อง “คนคนหนึ่งที่นอนป่วยอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล” เป็นแน่ “คนคนหนึ่งที่เคยเดินได้พูดดี แต่เวลานี้กลับเดินไม่ค่อยได้ พูดก็ยังไม่ค่อยพร้อม” “คนคนหนึ่งที่เคยทำอะไรเองได้หมด มาบัดนี้ต้องออกปากขอความช่วยเหลือจากคนอื่นเขาไปหมด ทำเองแทบนับเรื่องได้”
เรื่องที่ใกล้ตัวพวกเขา นิสิตนักศึกษาพยาบาลก็คงไม่พ้นไปจากเรื่อง “คนคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ ให้บริการ ดูแลเอาใจใส่อยู่เคียงข้าง อยู่ข้างเดียวกับ คนอีกคนหนึ่งที่เคยทำอะไรได้แต่ ณ บัดนี้เวลานี้ต้องขอให้เขาช่วยเหลือ” “คนคนหนึ่งที่ต้องการใครสักคนหนึ่งเป็นเพื่อนยืนเคียงข้าง และยืนข้างเดียวกัน”
บรรดาผู้ที่ช่วยคนจำนวนมากให้มีความชอบธรรม จะส่องแสงเหมือนดวงดาวตลอดไป (ดนล 12:3) ชีวิตของพี่น้องผู้ยืนอยู่เคียงข้างผู้ป่วย ก็เป็นชีวิตเช่นเดียวกันกับเราพี่น้องที่รัก ชีวิตของพวกเขาเป็นชีวิตของผู้มีจิตตารมณ์ “รักและรับใช้” ของพระเยซูเจ้า เฉกเช่นเดียวกันกับเรา ไม่แตกต่างกันเลยจริงๆครับ
ท่ามกลางความมืดมิดที่ปลกคลุมทั้งสี่ห้องหัวใจของพี่น้องในครอบครัวของเรา พี่น้องในวัดของเรา พี่น้องในบ้านเมืองของเรา พี่น้องในโลกของเรา พวกเขาแต่ละคน พวกเขาทุกคนต่างต้องการ “แสงสว่างดังดวงดาวเป็นนิตย์นิรันดร์” จากชีวิตของเราที่มีหัวใจดุจเดียวกับหัวใจของพระเยซูเจ้า มีดวงตาเปี่ยมด้วยความห่วงหาอาทรเฉกเช่นเดียวกับดวงตาของพระเยซูเจ้ายามมองพี่น้องที่เจ็บปวดและทนทุกข์ มีคำพูดอ่อนโยนพร้อมปลอบโยนหัวใจที่เจ็บปวดเจ็บช้ำไม่ต่างจากพระวาจาที่พรั่งพรูออกจากพระโอสถ์ของพระองค์
ท่านก็เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระองค์ทรงใกล้เข้ามา อยู่ที่ประตูแล้ว(มก 13:29)
เมื่อหัวใจของเราเป็นแสงอันอบอุ่นสำหรับหัวใจของพี่น้องผู้เจ็บและปวดนั้น หัวใจของเราก็ยิ่งอบอุ่นเพิ่มพูนอย่างอัศจรรย์ใจ เมื่องดวงตาของเราเป็นแสงสว่างท่ามกลางความมืดมนใจจิตใจสำหรับดวงใจที่มืดมิดของพี่น้อง แสงสว่างในจิตใจเราก็ยิ่งเปล่งประกายพระพักตร์อันเปี่ยมรักของพระองค์มากยิ่งขึ้น เมื่อเราออกปากปลอบโยนดวงใจอันบอบช้ำของพี่น้อง ช่างน่าประหลาด…บางจุดในดวงใจของเราที่บอบช้ำและซ่อนเร้น กลับได้รับการชโลมและฟื้นฟูให้เลือดช้ำและเจ็บปวดนั้นได้สว่างสดใสฟื้นฟูคืนมา
ซะงั้น ยิ่งให้กลับยิ่งเพิ่มแทนลด ยิ่งแบ่งยิ่งปันกับยิ่งเติมแทนหาย ยิ่งอยู่เคียงข้างแทนที่จะสูญเสียเวลาและชีวิต กลับพบว่าเวลาที่หายไปกับให้ชีวิตที่เปี่ยมสุขยิ่งกว่า ชีวิตและจิตตารมณ์ของบรรดาพยาบาล ที่คอยดูแลบริการ รักและรับใช้ จึงไม่ได้แตกต่างไปจากหัวใจเปี่ยมรักของพระเยซูคริสตเจ้าเลยแม้แต่น้อย และก็เป็นชีวิตเป็นเป้าหมาย และจิตตารมณ์เดียวกันที่เราพี่น้องคริสตชน คนรักพระเยซูจะพยายามเดินทางในโลกนี้เพื่อ “รักและรับใช้” พี่น้องของเรา
ท่านก็เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ก็จงรู้เถิดว่าพระองค์ทรงใกล้เข้ามา อยู่ที่ประตูแล้ว(มก 13:29)
จึงพูดได้ว่า ชีวิตบรรดาพยาบาล และเราทุกคนที่มีจิตตารมณ์ “รักและรับใช้” ที่พยายามอย่างยิ่งที่จะเป็น “ผู้สงบปากเงียบเพื่อรัก ผู้อดทนเพื่อรับใช้” ได้เป็น “แสงสว่างแห่งดวงดาวเด่นเป็นนิตย์” และนี่แหละคือ “พระพรของพระ และพระองค์ทรงประทับที่ประตูของหัวใจของเราแล้ว” ครับ
“ท่านคือดวงดาว ที่ส่องแสงสว่างแห่งดาวเด่นเป็นนิตย์นิรันดร์”
ท่านก็เช่นเดียวกัน