เทศกาลมอบของขวัญแท้ๆ
บทอ่านจากหนังสือมีคาห์ ซึ่งเป็นบทอ่านที่ 1 ของสัปดาห์ที่ 4 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ พอสรุปสั้นๆเพื่อความเข้าใจได้ดังนี้ “ผู้ที่จะเสด็จมาจะนำสันติสุข มาให้แก่มวลมนุษย์ เพราะพระองค์เองคือองค์แห่งสันติสุข”
พระเยซูคือ องค์แห่งสันติสุข พระองค์ทรงเป็นบ่อเกิดแห่งสันติสุข พระองค์เสด็จมาเพื่อประทานสันติสุขให้แก่มนุษย์ สันติสุขที่พระองค์ทรงประทานให้นั้นไม่ใช่ประทานให้เพื่อมนุษย์ ผู้ได้รับสันติสุขนั้นจะเก็บเอาไว้เป็นความสุขส่วนตัว แต่เพื่อให้เรานำสันติสุขที่พระองค์ประทานให้แก่เรานั้น ไปแบ่งปันให้แก่บุคคลรอบข้าง
ช่วงเทศกาลนี้พูดกันเหลือเกินว่า เราจะต้องแบ่งปันสันติสุขที่พระเยซูเจ้านำมาให้เราแก่ผู้อื่น
มันแปลว่าอะไร? ยิ้มให้คนอื่น? กล่าวสวัสดีทักทายคนอื่นด้วยประโยคว่า Merry Christmas? มอบของขวัญให้แก่ผู้อื่น? ฯลฯ ทำสิ่งเหล่านี้แล้วถือได้ว่า เราได้แบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่นแล้วใช่ไหม?
คำตอบของการแบ่งปันความสุขให้แก่ผู้อื่นอยู่ในบทอ่านที่ 2 จากจดหมายถึงชาวฮีบรู
“ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”
ยังมีประโยคอื่นๆอีกในจดหมายฉบับนี้ที่น่าสนใจ “พระองค์ไม่มีพระประสงค์เครื่องบูชา และของถวายอื่นใด” เปาโลเน้นอีก “พระคริสตเจ้าตรัสเป็นอันดับแรกว่า พระเจ้าไม่มีพระประสงค์ และ ไม่พอพระทัย ในเครื่องบูชาของถวาย เครื่องเผาบูชาและเครื่องบูชาชดเชยบาป” พระเป็นเจ้าไม่ทรงอยากได้อะไรเหล่านี้ทั้งสิ้น สิ่งที่พระเป็นเจ้าอยากได้มากที่สุดคือ “ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่!ข้าพเจ้ามาเพื่อปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์”
การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าคือ กระบวนการนำมาซึ่งสันติสุขแท้ๆให้เกิดขึ้นในโลก
ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังของพระเยซูเจ้า สันติสุขจึงเกิดขึ้นระหว่างพระกับมนุษย์ ความเป็นอริศัตรูที่อาดัม เอวาได้ทำเอาไว้ในอดีตถูกทำลายไปด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังของพระเยซู ดังนั้น สันติสุขในลักษณะเดียวกัน สามารถจะเกิดขึ้นในโลก ในพระศาสนจักรและในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ เมื่อทุกคนหันมาปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า โดยปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้าอย่างเคร่งครัด และนี่คือของขวัญประเสริฐสุดที่เราสามารถให้แก่กันและกัน เพราะเมื่อเราปฏิบัติตามคำสอนของพระเป็นเจ้าเราก็หยุดทำร้างกันและกัน และเราต้องทำอย่างนี้ไม่ใช่เฉพาะในเทศกาลนี้เท่านั้นแต่ตลอดชีวิตของเรา ตลอดตราบเท่าที่ยังมีโลกอยู่
การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า คือการแสดงออกถึงความเชื่อ หรือ ความเชื่อฟัง
ปีแห่งความเชื่อ คือ ปีที่ทุกคนต้องหันมาเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้าอย่างเคร่งครัด
ปีแห่งความเชื่อ จะกลายเป็นสิ่งไร้สาระโดยสิ้นเชิงถ้าเรามุ่งไปจัดกิจกรรมอื่นๆ มากกว่า การเน้นความเชื่อฟัง หรือการปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า
ความเชื่อฟัง และ ปฏิบัติตามบทบัญญัติและคำสอนของพระเยซูเจ้า คือ การปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าในภาคปฏิบัติ และความเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสอนของพระเยซูเจ้า นำมาซึ่ง การกลับใจ ที่เป็นของแท้ และเมื่อคนๆหนึ่งกลับใจด้วยการปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า สันติสุขก็จะเกิดขึ้นในจิตใจของตัวเองและเวลาเดียวกันสันติสุขก็จะเกิดขึ้นระหว่างตัวเองกับบุคคลรอบข้าง
บุคคลที่ยอมปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเป็นเจ้าอย่างจริงจังและเคร่งครัด จะได้รับการสรรเสริญสดุดีเฉกเช่น พระนางมารีอา ได้รับการสรรเสริญสดุดีจากท่านเอลีซาเบธ “เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะสำเร็จไป”
ถ้าจะแปลให้เข้าใจง่ายๆก็คือ “เธอช่างมีบุญแท้ ที่เชื่อฟังตามพระวาจาที่พระเป็นเจ้าตรัสแก่เธอ”
ดังนั้น สันติสุข จึงเกิดจาก การกลับใจหันมาเชื่อฟังพระ