“จงแสวงหาแล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูแล้วเขา จะเปิดประตูรับท่าน” (มธ 7:7)
หลังจากสำรวจสำมะโนประชากรเสร็จสิ้นแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ก็เริ่มเดินทางกลับบ้านของตน นครเยรูซาเล็ม เริ่มว่างผู้คน โรงเตี้ยมต่างๆ เริ่มมีห้องพักว่างๆ ครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ก็โยกย้ายเข้าไป หาที่พักอาศัยที่สะดวกกว่าในถ้ำเลี้ยงสัตว์ นั่นคือ เข้าไปพักในบ้าน มัทธิวพูดชัดเจนในพระวรสารวันนี้ เมื่อโหราจารย์ ทั้ง 3 ท่านมาถึง “เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์ พระมารดา…..” (มัทธิว 2:11)
ดังนั้นการตั้งรูปโหราจารย์ทั้ง 3 ไว้ในถ้ำเลี้ยงสัตว์ จึงไม่ตรงกับพระวรสาร
ส่วนทารกเยซู ก็โตพอสมควรเป็น กุมารน้อยแล้ว ไม่ใช่ เด็กทารก อีกต่อไป แต่การที่ยังคงต้องพักอาศัยอยู่ในบ้าน ก็เพื่อให้ทารกเติบโตแข็งแรงขึ้นอีกหน่อยหนึ่ง และจะได้เดินทางกลับอย่างสะดวก
เมื่อทั้ง 3 มาถึงบ้านพักที่เสาะหา ทั้ง 3 ก็เคาะประตู และเขาก็เปิดให้ทั้ง 3 เข้าไป และได้พบพระกุมาร
แต่การพบครั้งนี้ เป็นผลของการเพียรพยายามเสาะหา ด้วยความยากลำบาก ต้องรอนแรม นอนกลางดิน กินกลางทราย ดาวที่นำทางก็ ผลุบๆโผล่ๆ ทำให้ใจหาย แต่ด้วยความเพียรอดทน ทั้ง 3 ก็มาถึงที่หมาย คือบ้านพักของครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ เคาะประตูบ้าน และเขาก็เปิดรับ และทั้ง 3 ก็ได้พบ แสงสว่างอันเจิดจ้าภายในบ้าน
“จงแสวงหา แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูแล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน”
โหราจารย์ ทั้ง 3 สอนบทเรียนสำคัญให้แก่คนยุคปัจจุบัน การแสวงหาพระเยซูในสมัยนั้นเป็นเรื่องยากลำบาก แต่การแสวงหาพระเยซูสมัยนี้ง่ายดายเหลือเกิน แต่คนยุคปัจจุบัน รวมทั้งคริสตชนก็ไม่ค่อยเอาใจใส่
การไปพบพระเยซูเจ้าในสมัยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะไม่มีอุปกรณ์ นำทางที่ทันสมัย ต้องคอยมองดูดาวที่ ผลุบๆโผล่ๆ แต่สมัยนี้ มีทั้งนาฬิกา โทรศัพท์มือถือที่มีนาฬิกา อยู่ภายใน มีระบบปลุก ระบบเตือนที่ทันสมัย มีทั้งเสียง และมีทั้งสั่น นอกนั้นยังมี GPSที่นำทางโดยระบบดาวเทียม แต่คริสตชนจำนวนไม่น้อยมาร่วมมิสซาวันอาทิตย์ ไม่ทัน หรือมาสายมากๆ ทั้งๆ ที่มีอุปกรณ์ทันสมัยเหล่านี้อยู่กับมือ น่าอายโหราจารย์ยุคโบราณเหล่านั้น พวกเขามาพบพระเยซูทันเวลา ก่อนที่พระองค์ จะต้องอพยพ ครอบครัวหนีไปอียิปต์ และเมื่อพบแล้วโหราจารย์ ทั้ง 3 ก็ได้รับพระพรอย่างเต็มเปี่ยมจากพระองค์