“จงเลี้ยงดูและฟื้นฟูฝูงแกะของเราเถิด”
พระเยซูเจ้าทรงแต่งตั้งและมอบหมายให้ท่านนักบุญเปโตร เป็นผู้เลี้ยงดูบรรดาแกะในฝูงของพระองค์ที่พระองค์ได้จัดตั้งขึ้น
จากการลาออกของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 และการขึ้นรับตำแหน่งประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ต่อจากพระสันตะปาปาที่ขอสละตำแหน่งก็มีเสียงพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในหมู่ประชาชนทั่วไป ทั้งที่เป็นคริสตชน และมิใช่คริสตชน รวมทั้งจากบรรดาสื่อมวลชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ โทรทัศน์ รวมทั้งสิ่งพิมพ์ต่างๆ ว่าการขึ้นรับตำแหน่งของพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่ เป็นการขึ้นรับตำแหน่งพร้อมๆกับภารกิจอันหนักอึ้ง กว่ายุคสมัยใดๆ
กระแสข่าวที่แพร่สะพัด เกี่ยวกับ ความเป็นไปของพระศาสนจักรคาทอลิก ในช่วงระยะปีหลังๆ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นกระแสข่าวในทางลบ เป็นต้นในช่วงเวลาระหว่างสันตะสมัยของพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 พระองค์ซึ่งทรงมีพระชนมายุสูง ประกอบด้วยพระสุขภาพพลานามัยที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก การดูแลเลี้ยงดูพระศาสนจักรของพระองค์จึงต้องประสบปัญหาอันหนัก จนต้องตัดสินพระทัยมอบภารกิจนี้ให้แก่นายชุมพาองค์ต่อไป
ดังนั้นสำหรับพระสันตะปาปาฟรังซิส ภารกิจนายชุมพาของพระองค์ จึงถูกกล่าวขานว่า พระองค์ไม่เพียงต้องเลี้ยงดูพระศาสนจักรเท่านั้น แต่พระองค์ยังต้องทำหน้าที่ ฟื้นฟูและซ่อมแซม พระศาสนจักรอีกด้วย
พระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ตลอดสันตะสมัยของพระองค์ ได้พยายามแล้วพยายามเล่า ที่จะเรียกร้องให้ คริสตชนในทุกระดับได้ฟื้นฟูชีวิตคริสตชนของตนเอง ความพยายามของพระองค์ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปรากฏให้เห็น จาก การกำหนดให้มีปีพระสงฆ์ จากนั้นการมุ่งเน้นให้คริสตชนฟื้นฟูชีวิตด้วยพระวาจา และท้ายสุดการกำหนดปีแห่งความเชื่อ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้จุดมุ่งหมายของพระองค์ทรงเรียกร้องให้เกิด การกลับใจและเปลี่ยนแปลงชีวิต อย่างจริงจัง แต่ก็ดูเหมือนไม่เป็นผล
ปีแห่งความเชื่อ ซึ่งแก่นสาระก็คือ ปีแห่งความเชื่อฟัง เรียกร้องให้ทุกคนหันกลับมาเชื่อฟังพระ เชื่อฟังคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า และเชื่อฟังพระศาสนจักรผู้แทนของพระองค์มากขึ้น เพราะปัจจุบันดูเหมือนจะเชื่อฟังพระ เชื่อฟังพระศาสนจักรกันน้อยลงเรื่อยๆ แต่ปีแห่งความเชื่อซึ่งกำลังจะจบลงในไม่ช้านี้ ชีวิตคริสตชนก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปสู่ความนอบน้อมเชื่อฟังมากนัก
ในบทเทศน์เตือนใจของพระสันตะปาปาฟรังซิส ในโอกาสเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ปี 2013 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา พระสันตะปาปาเตือนบรรดาพระสงฆ์ให้รู้จักออกไปตามหาลูกแกะที่เจ็บป่วยและอยู่ในความทุกข์ยาก พระองค์เตือนพระสงฆ์ให้รู้จัก ออกจากตนเองเพื่อไปตามหาลูกแกะ พระองค์ทรงเริ่มซ่อมชีวิตของพระสงฆ์เป็นกลุ่มแรก
การออกจากตนเองหรือ To go out of oneselfมีความหมายอันลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่ออกไปจากบ้าน จากวัด จากออฟฟิศ เพื่อไปหาลูกแกะ แต่ออกจากตนเอง หรือ To go out of oneselfยังมีความหมายว่า การไม่ยึดเอาตัวตนเป็นใหญ่ การไม่เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง การไม่ทำตามใจตัวเอง แต่ต้องเอาพระเยซูเป็นจุดศูนย์กลาง หรือพูดสั้นๆ ก็คือ รู้จักนบนอบเชื่อฟังพระเยซูและผู้ที่พระเยซูทรงมอบหมายให้ดูแลฝูงแกะ
เสียงเรียกร้องให้ รู้จักนอบน้อมเชื่อฟัง ยังคงดังก้องจากพระสันตะปาปา องค์ก่อนมาจนถึงองค์ปัจจุบัน และดูเหมือนพระองค์จะทรงเริ่มจากจุดสำคัญ ก่อนอื่นหมด คือ พระสงฆ์
ทำไมจึงต้องเน้นความสำคัญของความนอบน้อมเชื่อฟังนักหนา ก็เพราะความนอบน้อมเชื่อฟัง คือ ชีวิตทั้งของแม่พระ และของพระเยซูเจ้า ความนอบน้อมเชื่อฟัง คือ วิถีชีวิตของท่านทั้งสอง
ดังนั้นการฟื้นฟู ซ่อมแซมพระศาสนจักรจึงต้องเริ่มต้นจากจุดนี้ เพราะความนอบน้อมเชื่อฟังคือวิธีการและหนทางอันเดียวที่จะนำไปสู่ความรอด
ในเวลาเดียวกันชีวิตด้านอื่นๆของพระองค์ที่พระองค์ทรงปฏิบัติ แตกต่างจากพระสันตะปาปาพระองค์อื่น ก็ไม่ใช่ทรงทำเพียงแค่ให้เราได้ชื่นชม และร้องฮือฮาสรรเสริญ แต่ทรงปฏิบัติให้เราดูเป็นตัวอย่าง ให้เราหันมามองดูตัวเอง ว่าเราทำอะไร เว่อร์……เว่อร์ ไปแค่ไหน ตัวอย่างชีวิตของพระองค์เรียกร้องเราให้ปฏิรูปชีวิตของเราเช่นเดียวกัน ปฏิรูปชีวิตให้ลงสู่ความเรียบง่าย เยี่ยงสามัญชน