พระสิริรุ่งโรจน์ของพระบุตร…รักเพื่อนพี่น้อง ยอมทุกข์เพื่อมอบสุข
“บัดนี้บุตรแห่งมนุษย์ได้รับพระสิริรุ่งโรจน์และพระเจ้าทรงได้รับพระสิริรุ่งโรจน์ในบุตรแห่งมนุษย์ด้วย” (ยน13:31)
เมื่อพูดถึงความรุ่งโรจน์โลกสอนอะไรให้เรา โลกสอนให้เรา“ยึดมั่นถือมั่นกับต้องมีต้องได้ต้องชนะจะพลาดอะไรไม่ได้” นี่คือสิ่งที่โลกสอนเราและดูเหมือนเราก็ยินยอมพร้อมใจที่จะโอนอ่อนผ่อนไปตามโลกเสียด้วย
เมื่อไม่นานมานี้มีเรื่องเรื่องหนึ่งจากคนคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตเราพาลให้เราหงุดหงิดอยากจะโลกแตกทับใส่กลับไปบ้าง… แต่มานั่งคิด “แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ผิดจริงๆก็ตาม เอ…ถ้าเราตวาดแวดใส่ไปเราคงสะใจคงมีคนรับรู้ถึงอารมณ์ร้อนระอุของเรา แต่เราจะได้อะไรกลับคืนมาหรือเปล่านะ” ทุกคนที่ร่วมกิจกรรมกับเราคงจะพบแต่เรื่องหนักใจไม่มีสุขเป็นแน่ลึกๆคงไม่มีใครสุขใจแน่เลย
“เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายให้ท่านรักกันเรารักท่านทั้งหลายอย่างไรท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน13:34)
การจะรักใครสักคนทั้งคนในหรือคนนอกครอบครัวก็ตามเราจะถูกเรียกร้องถามหากิจการที่เรามีต่อผู้อื่นต่อกันและกัน และแน่นอนกิจการที่มอบความรักมอบสันติสุขให้ผู้อื่นนั้นย่อมต้องแลกกับการอุทิศตนของเราเราต้องออกแรงและรับทุกข์บ้างเพื่อจะสามารถมอบสันติสุขให้แก่กันและกัน
เหตุการณ์ที่ผ่านมาเรียกร้องให้พ่อยอมอดทนยอมทุกข์เสียเองที่จะไม่ระบายอารมณ์ด้วยการดุด่าว่ากันด้วยคำรุนแรงแต่อดทนให้อภัยแม้ว่าต้องอดกลั้น…. สิ่งที่ได้รับกลับมาในภายหลังก็คือ ใจของคนคนนั้นที่เข้าใจเราเมื่อได้พูดคุยและเข้าใจกัน… พี่น้องเราได้เพื่อนได้พี่น้องของเรากลับคืนมาครับ
นี่แหละสิริรุ่งโรจน์ที่พระเยซูเจ้าได้รับนี่แหละคือสิริรุ่งโรจน์ที่พระองค์ทรงสอนแต่โลกไม่ยอมรับไม่ยอมสนใจ
“เราให้บทบัญญัติใหม่แก่ท่านทั้งหลายให้ท่านรักกัน เรารักท่านทั้งหลายอย่างไรท่านก็จงรักกันอย่างนั้นเถิด” (ยน13:34)