การกลับคืนพระชนมชีพและการเสด็จขึ้นสวรรค์ สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกัน
เราเคยสงสัยบ้างไหมว่า หลังจากที่พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนมชีพแล้ว พระองค์หายไปไหน? ทำไมพระองค์จึงไม่อยู่กับอัครสาวกทั้ง 11 เหมือนดังแต่ก่อน? ทำไมจึงปรากฎพระองค์ให้พวกเขาเห็นชั่วครู่ชั่วยาม แล้วก็หายไปอีก? การปรากฎตัวของพระองค์ก็ช่างแปลกประหลาด ประตูปิด แต่ก็เข้ามาได้
ในเช้าตรู่ของวันที่ 3 หลังการสิ้นพระชนม์ พระองค์เสด็จกลับคืนพระชนมชีพ หินใหญ่ปิดปากอุโมงค์ มีทหารเฝ้าอยู่ภายนอก ไม่มีใครรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นภายในอุโมงค์ฝังศพนั้น ไม่มีใครรู้เห็นเป็นพยาน กระบวนการของการกลับคืนชีพว่าได้เกิดอะไรขึ้น และเกิดขึ้นอย่างไร ผู้ที่ได้พบพระองค์ก็พบหลังจากการคืนชีพมีชีวิตใหม่แล้วเท่านั้น
2 โครินธ์ 13:4 พระองค์ทรงอ่อนแอเมื่อทรงถูกตรึงกางเขนก็จริง แต่พระองค์ทรงพระชนมชีพด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า…
โรม 6:4 …..พระคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดา
ในจดหมายของบรรดาอัครสาวกหลายฉบับมีนามเรียกขานองค์พระจิตเจ้าในหลายแบบด้วยกันเช่น
พระฤทธิ์อำนาจหรือพระอานุภาพของพระเจ้า (2 โครินธ์ 13:4)
พระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดา (โรม 6:4)
ความรุ่งเรือง (เอเฟซัส 1:18)
พระอานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้า (เอเฟซัส 1:19)
อาวุธที่มีอานุภาพของพระเจ้า (2 โครินธ์ 10:4)
พระจิตเจ้า (1 เปโตร 3:18)
ชื่อทั้งหมดนี้ คือ พระนามของพระจิตเจ้าในเช้าวันกลับคืนชีพ พลังอำนาจของพระจิตเข้าประทับร่างอันไร้วิญญาณของพระเยซูคริสตเจ้า เปลี่ยนแปลงจำแลงพระกาย (TRANSFIGURED) ของพระองค์ให้ฟื้นคืนชีพกลับมามีชีวิตใหม่ และดำรงชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม
ดำรงชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิมแปลว่าอะไร?
ร่างกายของพระเยซูคริสตเจ้า ที่มีพระจิตเจ้าและพระบิดาประทับอยู่ ถูก เปลี่ยนแปลงจำแลง (Transfigured) ให้เป็นร่างที่เราเรียกว่า พระกายทิพย์ เป็นการสถิตประทับของพระตรีเอกภาพในสภาวะมนุษย์ของพระเยซูคริสตเจ้า และนักเทววิทยาเรียกการสถิตประทับนี้ว่า การเสด็จสู่สวรรค์ หรือ การอยู่ในสภาวะของสวรรค์ (ชีวิตที่มีพระอยู่เต็มเปี่ยม)
การเสด็จสู่สวรรค์ ไม่ใช่การลอยขึ้นไปสู่เบื้องบนสู่ท้องฟ้าเบื้องสูงอย่างที่มีบันทึกไว้ในกิจการอัครสาวก บทที่ 1:6-11 แต่การเสด็จสู่สวรรค์คือ การที่ร่างกายมีการสถิตประทับอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของพระตรีเอกภาพ และทำให้ร่างกายมนุษย์นั้น กลายเป็นกายทิพย์ กายแท้ (Physical body) ถูกเปลี่ยนแปลง (Transfigured) ให้กลายเป็น กายทิพย์ (Mystical body) ซึ่งไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา (Time) และสถานที่ (Space)
การกลับเป็นขึ้นมาและการเสด็จสู่สวรรค์จึงเป็น 2 สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และผู้ที่พูดถึงเรื่องนี้อย่างชัดเจนมากที่สุดคือ นักบุญเปาโล ดู เอเฟซัส บทที่ 1 ข้อ 20 พระองค์ (พระบิดาและพระจิต) ทรงแสดง (องค์) ในองค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ จากบรรดาผู้ตาย และให้ประทับเบื้องขวาของพระองค์ในสวรรค์
ดังนั้น สวรรค์จึงไม่ใช่สถานที่ แต่เป็นสภาวะของการประทับอยู่อย่างครบบริบูรณ์ของพระตรีเอกภาพในบุคคลคนหนึ่ง
เมื่อพระเยซูคริสตเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพด้วยการเข้าสถิตประทับอยู่ของพระบิดา และพระจิต การเสด็จขึ้นสวรรค์ก็เกิดขึ้น ณ เวลานั้น
ส่วนการเหาะลอยขึ้นไปต่อหน้าต่อตาบรรดาอัครสาวกเป็นเพียงการปิดฉากการอยู่แบบมนุษย์และเป็น การบอกกล่าว กับพวกเราว่า “ต่อไปนี้ฉันจะไม่อยู่กับพวกเธอในแบบที่ แลเห็น และจับต้องได้อีกต่อไป แต่จะอยู่กับพวกเธอในรูปแบบใหม่ (ที่เธอจะมองไม่เห็นด้วยตา แต่ด้วยความเชื่อ)”
ดังนั้น พระองค์จึงกล่าวไว้ในมัทธิว บทที่ 28 ข้อ 20 ว่า “…จงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวัน (ในรูปแบบใหม่) ตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”