(พระวาจาในยาม…) เหนื่อย!!! ล้า… เหงา… เศร้า…
“พระเยซูเจ้าทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่ง เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลา ถวายพระพรแด่พระเจ้า”(ลก24:51-53)
“เฮ้อ… เหนื่อย…” กับ“เฮ้อ… เหนื่อยจัง” พี่น้องลงความเห็นว่าประโยคสั้นๆสองประโยคที่ต่างกันเพียงแค่เอาคำว่า“จัง” เพียงแค่คำเดียวมาใส่เติมไว้นั้นประโยคที่เติมเข้าไปหรือประโยคที่วางไว้โดดๆไม่ได้เติมประโยคใดที่แสดงออกแสดงถึงความรู้สึกว่าหมดแรงสิ้นหวังมากกว่ากัน
สำหรับพ่อ “เฮ้อ… เหนื่อย…” มันตรงกับตนเองณเวลานี้มากกว่านะ มันแสดงถึง“เฮ้อ…ความเหนื่อยล้า…หมดแรง” ร่างกายไม่มีกำลังต้องการพัก มันยังแสดงถึง“เหนื่อยอ่อนรู้สึกโดดเดี่ยวหงอยเหงา…จน… จนบอกสาเหตุไม่ถูก” และมันยังแสดงถึง“เหนื่อย อ่อนอกอ่อนใจรู้สึกหมดหนทางแล้วที่จะแก้ไขเยียวยา” เห็นแล้วว่าข้างหน้าคนที่เรารักห่วงใยกำลังจะเดินเข้าไปในภัยอันตรายโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่มันก็เศร้าใจที่เขาดูจะไม่เข้าใจและไม่ยอมรับความรักความห่วงใยจากหัวใจของเราเอาเสียเลย…เฮ้อ!!
“พระเยซูเจ้าทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่งเขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลาถวายพระพรแด่พระเจ้า”(ลก24:51-53)
“ทำอย่างไรดี”…กับความเหนื่อยอ่อนของเรา “มีวิธีใด” … ให้เราผ่านเมื่อเราอ่อนแรงและสิ้นหวัง ตามหลักวิชาการเขาว่าไว้ว่า“ความเหนื่อยล้าเป็นสาเหตุจากกล้ามเนื้อของเรานั้นขาดออกซิเจนมาหล่อเลี้ยง” หรือออกซิเจนนั้นมาเลี้ยงในเม็ดเลือดของเราไม่ทัน ร่างกายของเราจึงพยายามที่จะหาทางดึงเอาออกซิเจนในอากาศเข้าไปเลี้ยงให้มากที่สุดให้เร็วที่สุด เราอาจพบเห็นได้เมื่อเราวิ่งเร็วๆหรือออกกำลังกายและพบว่าร่างกายเหนื่อยหอบ นั่นแหละที่เรากำลังเหนื่อยอ่อนแรงและกำลังรีบดึงเอาอากาศเข้าร่างกายเพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปหล่อเลี้ยงในเม็ดเลือดให้ทัน
บ้างก็แนะนำให้เราพักผ่อนมากๆให้เพียงพอให้ร่างกายฟื้นสภาพ แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆทานอาหารให้เพียงพอเพื่ออาหารจะถูกย่อยและนำสารอาหารเข้าไปซ่อมแซมส่วนที่เสียหายไป นอกจากนั้นทางด้านจิตใจเขาก็แนะนำให้เราพยายามปล่อยวางและอยู่กับปัจจุบันให้ได้เพื่อทำให้จิตใจปลอดโปร่างผ่อนคลายสบายใจ
“พระเยซูเจ้าทรงถูกนำขึ้นสู่สวรรค์บรรดาศิษย์กราบนมัสการพระองค์แล้วกลับไปกรุงเยรูซาเล็มด้วยความยินดียิ่งเขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลาถวายพระพรแด่พระเจ้า”(ลก24:51-53)
สำหรับเราที่เป็น“คริสตชน” คนที่ติดตามพระเยซูคริสตเจ้า เราที่เป็น“ลูกของพระบิดา” วิธีให้เราผ่านจากความ“เหนื่อย” ในชีวิตของเรา “เขาอยู่ในพระวิหารตลอดเวลาถวายพระพรแด่พระเจ้า” พระเยซูเจ้าพระองค์สอนเราเสมอยามที่พระองค์อ่อนแรงพระองค์ต้องการที่ปรึกษา“พระองค์อยู่ในที่สงบและภาวนาต่อพระบิดา” ที่สงบของพระเยซูเป็นเรื่องเดียวกันกับพระวิหารและเป็นเรื่องเดียวกับ“ภาวนาในวัด ภาวนาด้วยพระวาจา” ในสมัยของเรานั่นเอง เริ่มวันนี้เถิดครับเริ่มภาวนากับพระบิดากับพระเยซูเจ้า ด้วยการอ่านและภาวนากับพระวาจาของพระองค์ ไม่ว่าที่วัดเมื่อมาร่วมบูชามิสซาหรือที่บ้านหรือที่ใดๆเริ่มเปิดพระวาจาพระคัมภีร์และภาวนา เพื่อเราจะมีกำลังกลับคืนมายามเรา… “เหนื่อยอ่อน”.