ประตูแคบของพระเยซูเจ้า
ยิวเป็นประชากรที่พระเป็นเจ้าทรงเลือกสรร ทรงกำหนดให้เป็นกลุ่มชนที่พระผู้ไถ่จะทรงถือกำเนิด ดังนั้นชนชาติยิวจึงถือเป็นบรรพบุรุษขององค์พระผู้ไถ่ เป็นพี่น้องร่วมชาติของพระองค์
พระเจ้าได้ทรงตระเตรียมให้ชนชาติยิว เป็นประชากรตัวอย่าง ทรงหมายมั่นปั้นมือและตระเตรียมพวกเขาให้เป็น แสงสว่างส่องนานาชาติ และเพื่อจะได้เป็นแบบอย่าง และเป็นแสงสว่างที่สมบูรณ์ พระองค์ได้ทรงมอบบทบัญญัติ สำหรับเป็นแนวทางการดำเนินชีวิต
แต่ประวัติศาสตร์อันยาวนานของยิว พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาดำเนินชีวิตไปในทิศทางตรงกันข้าม กับบทบัญญัติที่พระได้ทรงมอบให้ไว้ ประวัติศาสตร์ยิวเป็นประวัติศาสตร์แห่งการทรยศไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า เป็นประวัติศาสตร์แห่งการทรยศหักหลังพระ
พวกเขาดำเนินชีวิตแบบไม่สนใจทำตามพระบัญญัติ เฉกเช่นคริสตชนส่วนหนึ่งในยุคสมัยของเรา
ผลที่ตามมาก็คือ ประเทศยิวในยุคนั้นแตกแยกเป็น 2 ส่วน 10 ตระกูลยิวอยู่ทางด้านเหนือเรียกว่า ประเทศอิสราเอล ส่วนอีก 2 ตระกูลอยู่ทางด้านใต้เรียกว่า ประเทศยูดา
12 ตระกูลยิวคือ บุตร 12 คน ของยาก๊อบ บรรพบุรุษสำคัญคนหนึ่งของยิว
อาณาจักรอิสราเอลทางเหนือ ยังคงดำเนินชีวิตที่เหลวไหลต่อไป จนต้องตกเป็นเชลยของชนชาติอัสซีเรียในปี กคศ 721 (เจ็ดร้อยยี่สิบเอ็ดปีก่อนการบังเกิดของพระเยซูเจ้า) ประชากรถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยในประเทศอัสซีเรีย และที่สุดก็สูญสลายไป
อาณาจักรยูดาทางใต้ อันประกอบไปด้วย 2 ตระกูล คือ ตระกูลยูดา และตระกูลเบ็นจามิน ดำเนินชีวิตดีบ้างเลวบ้าง และสุดท้ายก็ล่มสลายถูกกวาดต้อนไปเป็นขี้ข้า หรือ เป็นทาสของชนบาบิโลเนีย ในปี กคศ 597 (ห้าร้อยเก้าสิบเจ็ดปีก่อนการบังเกิดของพระเยซูเจ้า) ชาวยิวภาคใต้เป็นทาสอยู่ในดินแดนบาบิโลเนียอยู่ถึง 59 ปี และสุดท้ายได้กลับบ้านในปี กคศ 538
พวกเขากลับบ้านด้วยความหดหู่ หมดกำลังใจ เพราะเห็นสภาพบ้านเมือง รกร้าง ว่างเปล่า และเหลือแต่ซาก
บทอ่านจากหนังสือประกาศกอิสยาห์วันนี้ ประกาศกกล่าวปลอบใจ และให้กำลังใจพวกยิวผู้หมดอาลัยตายอยากเหล่านั้นให้พวกเขามีกำลังใจที่จะฟื้นฟูประเทศ
ท่านบอกพวกยิวว่า พระยังคงมีพระเมตตา พระองค์ยังคงมั่นคงในคำมั่นสัญญาที่พระองค์ได้ให้ไว้แก่บรรพบุรุษ พระองค์จะทรงช่วยฟื้นฟูประเทศร่วมกับพวกเขา และจะทำให้นครเยรูซาเล็มที่ล่มสลายกลับมาผงาดเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ประกาศกตักเตือนพวกเขาให้ ฟื้นฟูชีวิตด้วยการหันกลับมาสัตย์ซื่อและเชื่อฟังพระเจ้า
การกลับมาสัตย์ซื่อเชื่อฟังพระเจ้า ถูกเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งโดยพระเยซูเจ้าในพระวรสารวันนี้
การฟื้นฟูชีวิตด้วยการหันกลับมาสัตย์ซื่อต่อพระเจ้าหมายถึง ต่อไปนี้ จงดำเนินชีวิตโดยพยายามเข้าทางประตูแคบ
การดำเนินชีวิตเข้าทางประตูแคบ คือ การดำเนินชีวิตที่เคร่งครัดสัตย์ซื่อและเชื่อฟังพระเจ้า ไม่แสวงหาความสะดวกสบาย ไม่แสวงหาโภคสมบัติ ไม่แสวงหาชื่อเสียงและตำแหน่ง ไม่ดำเนินชีวิตไปตามกระแสโลกและกระแสสังคม แต่ตรงกันข้าม ต้องดำเนินชีวิตทวนกระแสสังคม
ทำให้นึกคำพูดไทยๆของเราประโยคหนึ่งคือ ปลาเป็นว่ายทวนน้ำ ส่วนปลาตายปล่อยตัวล่องลอยไปตามกระแสน้ำ
วิถีชีวิตยิวในอดีตพิสูจน์ให้เห็นการพยายามเข้าประตูกว้าง ซึ่งพระเยซูบอกเป็นนัยว่า มันจะพาไปสู่หายนะ
ประตูกว้างพิสูจน์ความจริงของมันแล้วด้วยประวัติศาสตร์ในอดีตของชนชาติยิว ประชากรที่ได้รับเลือกสรร
การฟื้นฟูชีวิตคริสตชน ที่พวกเรากำลังพยายามทำกันอยู่ในปัจจุบัน คือ การเชิญชวนคริสตชนให้หันคืนกลับไปสู่การดำเนินชีวิตในรูปแบบใหม่ คือ การเข้าสู่ประตูแคบ เคร่งครัด อยู่ในกรอบ ดำเนินชีวิตคริสตชนอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ดำเนินชีวิตตามสบายอย่างเช่นทุกวันนี้ ชีวิตของพระเยซูเจ้าตลอด 33 ปีเป็นชีวิตที่พิสูจน์ให้เห็นถึงการดำเนินชีวิตเข้าประตูแคบ ชีวิตของพระเยซูเจ้าที่เข้าทางประตูแคบ เป็นชีวิตที่จริงจัง สุขุมรอบคอบ ละเอียดอ่อนแต่เข้มงวด ทรงสุขุมและเยือกเย็น ทรงเป็นผู้นำที่ดี ทรงเป็นเพื่อน ทรงมีปัญญาเฉียบแหลมตามแบบพระ ทรงบำเพ็ญพรตตลอดชีวิต ทรงประหยัดมัธยัสถ์ ทรงอดทน และเงียบขรึม ทรงมีเมตตาใจกว้าง ทรงมีสัมพันธ์อันดีทั้งกับพระและมนุษย์ ทรงขยันขันแข็ง ทรงรักความสันโดษ ทรงไม่ชอบปรากฏตัวแก่สาธารณะชน ฯลฯ เหล่านี้ คือ ประตูแคบของพระเยซูเจ้าที่พระองค์ทรงเชิญชวนให้เราเข้าไป ทั้งพระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส