สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2013
“ฉลาดแกมโกง”เป็นสำนวนไทยที่มีความหมายถึงการใช้วิธีการที่“ดูดี”แต่เบื้องหลังวิธีการนั้นมีการหวังผลซ่อนเร้นเพื่อประโยชน์ของตนเองเป็นหลักหรือจะบอกว่า“เพื่อเอาตัวรอด” ก็คงไม่ผิด…
ตัวอย่างฉลาดแกมโกงที่กล่าวถึงนี้เราเข้าใจชัดเจนจากเรื่องราวในพระวรสารวันนี้ผู้จัดการคนนั้นใช้วิธีดูดีแต่ไม่ถูกต้องคือเหมือนใจดีลดหนี้ให้แต่หวังจะเอาคืนคือเมื่อถูกไล่ออกจากงานจะได้มีคนช่วยเหลือ… ทำให้คิดถึงความจริงที่เกิดในสังคมในประเทศของเราที่เห็นชัดอีกประการหนึ่งนั้นก็คือการซื้อเสียงเวลามีการเลือกตั้งในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือในระดับชาติหวังเพียงมีตำแหน่งมีอำนาจและเมื่อได้สมปรารถนาแล้วก็มีการ“เอาคืน”ในรูปแบบของการทุจริตอย่างแยบยลหลากหลายวิธี
พอจะสรุปได้ว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้เกิดจาก“ความโลภ”ทั้งสิ้นคืออยากมีให้มากที่สุดซึ่งไม่เคยจะถึงที่สุดสักทีเพราะความอยากมันไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆเคยคิดว่ามีเงินสัก10 ล้านก็พอแต่พอมี10 ล้านก็คิดต่อไปว่าน่าจะได้สัก50 ล้านและเพิ่มไปเรื่อยๆ…
เพราะเจ้าความโลภนี้เองมันทำให้คนเรากระทำผิดทุจริตฉ้อโกงฯลฯตามมาอีกมากมายพระเยซูเจ้าทรงบอกว่า“…เราจะรับใช้พระเจ้าและเงินตราในเวลาเดียวกันไม่ได้”ในที่นี้มิได้หมายความว่าเงินตราไม่สำคัญเพียงแต่พระองค์ทรงต้องการจะสอนว่า“อย่าเป็นทาสของเงินตรา” เพราะเงินตรามีไว้สำหรับ“ช่วย”ให้เรามีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงพอดีพอเหมาะกับความจำเป็นดังนั้นเงินตราจึงต้องเป็นทาสเราคือเราต้องรู้จักใช้เงินตามความจำเป็นตามความเหมาะสมในฐานะเป็นบุตรของพระเจ้าและเราต้องรู้จักใช้เงินตราที่มีนั้นเพื่อผู้อื่นด้วยคือต้องรู้จักแบ่งปันบรรเทาความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ด้วยนั่นเอง
วันนี้ผมอยากจะเชิญชวนทุกท่านให้ทดลองสำรวจตรวจชีวิตของตนเองดูกันซักนิดว่าเราตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของความโลภกันบ้างหรือเปล่า… เอาอย่างนี้ทำง่ายๆคือลองนึกย้อนไปในอดีตว่าที่ผ่านมาเราฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยหรือไม่เรา“กินเพื่ออยู่หรืออยู่เพื่อกิน?”เสื้อผ้าอาภรณ์ของใช้ของเราเหลือเฟือชนิดบางชิ้นบางตัวไม่ได้ใส่มาเป็นปีๆแล้ว… เราทำบุญให้คนยากจนบ่อยไหม?… คิดว่าพวกเราคงไม่ตกอยู่ในลักษณะดังกล่าวนี้หรือถ้ามีก็คงไม่มากนะครับ… สวัสดีครับ