ฉัน… เลือกใคร??
“ท่านทั้งหลายที่เยียบย่ำคนขัดสนและทำลายคนยากจน… พระเป็นเจ้าจะไม่ลืมการกระทำชั่วช้าของเขาเลยและพระองค์จะทรงปกปักรักษาประชากรของพระองค์” (เทียบอมส8:4,7)
ไม่นานมานี้พ่อมีโอกาสไปเดินซื้อของที่คลองถมและสำเพ็ง ระหว่างเดินดูแผงของสองข้างก็มีโอกาสแวะดูนู้นนี่นั่นไปเรื่อยเปื่อย ประจวบเหมาะเห็นแผงนาฬิกา เกิดสนใจจึงแวะดูและสอบถามราคานาฬิกาที่ดูแล้วถูกใจ เจ้าของแผงพยายามแนะนำชักชวนให้ดูเรือนนู้นเรือนนี้สลับกันไป ยังไม่จุใจ พนักงานชวนเชิญไปดูที่ร้านด้วย
เมื่อเข้าไปที่ร้านสังเกตว่ามีพนักงานคนอื่นกำลังนั่งแนะนำลูกค้าคนอื่นอีกสองสามราย พนักงานของพ่อเขานำนาฬิกามาให้เลือกดูหลากหลายยี่ห้อและรูปทรง เกิดถูกใจสามสี่เรือน แต่คงต้องเลือกเพียงแค่หนึ่งเดียว แปลกใจเรือนที่เลือกทำไมปุ่มมันดูหลวมๆยืดออกมาผิดปกติ พนักงานพยายามชวนให้ซื้อให้ได้ก็ตอบว่ามันเป็นปุ่มพิเศษนี่เป็นเรือนที่ได้มาไม่กี่เรือนเองถ้าชอบใจถูกใจก็จะลดให้เป็นพิเศษ พร้อมเพื่อให้แน่ใจก็หันไปให้ช่างที่ร้านดูช่างก็ยืนยันเช่นกัน
“ท่านทั้งหลายที่เยียบย่ำคนขัดสนและทำลายคนยากจน… พระเป็นเจ้าจะไม่ลืมการกระทำชั่วช้าของเขาเลยและพระองค์จะทรงปกปักรักษาประชากรของพระองค์” (เทียบอมส8:4,7)
“ระวังบ้างก็ดีนะ…”ในใจก็รู้สึกอย่างนั้น จึงหันมาดูเรือนนาฬิกาพลิกไปมากดปุ่มไปมาทำไปทำมาปุ่มที่เราว่าแปลกเขาว่าพิเศษสปริงก็ดันปุ่มหลุดออกมาอย่างไม่ใยดีตัวเรือนกันเลยแบบขอลาขาดไม่ขอพบเจอกันแล้วชาตินี้อะไรประมาณนั้น บทสรุปก็คือ… เราผู้ซื้อไม่เหลือความไว้วางใจกับท่าทางที่ดูโอบอ้อมอารีย์ดูจริงใจของพนักงานขายอีกเลยและการตกลงซื้อขายนาฬิกาเรือนนี้ที่ทีแรกจะเป็นไปได้สวยก็จบลง โดยเราไม่พูดไม่ว่า… แต่เดินจากมาอย่างหมดใจ…
หลายครั้งในบางคน เราไม่เคยสนใจความรู้สึกความเจ็บปวดของผู้ที่เราไม่รู้สึกรับผิดชอบอะไรกับคำพูดหรือการกระทำที่เราปฏิบัติต่อเขา เราเพียงแค่ครุ่นคิดและปรารถนาแต่เพียงสิ่งเดียวว่า“เราจะไม่แพ้เราจะไม่ยอมเสียเราจะไม่ยอมขาดทุนเราจะกำไรในการต่อรอง” พระเป็นเจ้า…พระเยซูคริสต์เจ้าเรียกร้องเราให้เรา“เป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด”(มธ5:48)
“ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” (ลก16:13)
ต้องเลือกเอาข้างใดข้างหนึ่งแล้วหละครับ เราพี่น้องคริสตชนเราเลือกเอาพระเป็นเจ้าเป็นอันดับหนึ่งอันดับแรกสำหรับชีวิตเรา แม้ว่าหลายครั้งจะมีเรื่องที่บีบคั้นชีวิตคริสตชนของเรา แม้ว่าบางครั้งเราอาจจะพ่ายแพ้ต่อสิ่งเย้ายวนใจไปก็ตาม พระองค์ประทานอภัยและพระทัยเมตตาเราเสมอผ่านทางศีลอภัยบาปเพื่อเปิดช่องทางให้เราได้สามารถยอมรับความจริงและหันกลับมาที่พระองค์อีกครั้งหนึ่ง… เสมอ
ประการสำคัญ การเอาใจใส่เพื่อนพี่น้องรอบข้างของเรามอบความรักความยุติธรรมให้แก่กันและกันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า… เราไม่ได้เห็นแก่อามิสสินจ้างเห็นแก่ทรัพย์สินเงินทองลาภยศสรรเสริญเกียรติยศชื่อเสียงที่เสื่อมสลายไปไม่ยั่งยืน
เพราะนั่นเป็นเครื่องหมายว่า“เรากำลังเป็นทาสของเงินทอง” และที่ถูกก็ต้องบอกว่า“เรากำลังเป็นทาสต่อความจองหองยกตนเองเป็นพระเจ้าแทนพระองค์” … แต่ความรักความยุติธรรมที่เรามอบให้แก่กันและกันเป็นเครื่องหมายว่า“เรารักและมอบใจทั่งหมดไว้แด่พระเป็นเจ้าและกำลังรับใช้พระองค์…
“ท่านทั้งหลายจะปรนนิบัติรับใช้พระเจ้าและเงินทองพร้อมกันไม่ได้” (ลก16:13)