สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2556
วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่34 ในเทศกาลธรรมดาสมโภชพระเยซูเจ้าแห่งสากลจักรวาลและยังเป็นวันที่พระศาสนจักรเชิญเราให้คิดถึง“กระแสเรียก”จึงอยากจะพูดถึงกระแสเรียกเป็นพิเศษในวันนี้
“กระแส”ตามพจนานุกรมหมายถึงเส้น, สายหรือจะหมายถึงการไหลไป, แนวทาง… ก็ได้เช่นกระแสน้ำหมายถึงการไหลของน้ำกระแสของประชาชนหมายถึงแนวความคิดความนิยมของประชาชนเป็นต้น
“เรียก”แปลว่าออกชื่อส่งเสียงให้มาหา… เมื่อรวมกันเป็นคำว่า“กระแสเรียก”จึงน่าจะมีความหมายว่าเป็นการออกชื่อออกเสียงให้หมายสำคัญให้ใครคนใดคนหนึ่งเข้าร่วมในแนวทางในหนทางที่ได้กำหนดไว้…
เมื่อนำคำนี้มาใช้ในมิติทางศาสนาจึงเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไปว่าเป็นการเรียกของพระเป็นเจ้าทรงเรียกคนใดคนหนึ่งให้มาเป็นพระสงฆ์เป็นนักบวชให้ทำงานเป็นพิเศษในการนำพระวาจาและพระพรความรักของพระองค์ไปยังมนุษยชาติเหมือนกับที่ได้ทรงตรัสไว้ว่า“ข้าวที่จะเกี่ยวมีมากแต่คนงานมีน้อยจงวอนขอเจ้าของนาให้ส่งคนงานมาเก็บเกี่ยวข้าวของพระองค์เถิด”(ลก. 10:2)
ดังนั้นเราจึงเชื่อว่าบรรดาพระสงฆ์และนักบวชได้รับ“กระแสเรียก” จากพระเป็นเจ้าเพื่อมาทำงานตามที่พระองค์ทรงมอบหมายอย่างไรก็ตามพระองค์ทรงมิได้ให้ทุกคนที่เรียกมาเป็นพระสงฆ์หรือนักบวช เราจึงพบว่ามีหลายคนที่ได้รับการเรียกคือการให้เข้าบ้านเณรเข้าอารามเป็นเณรเป็นผู้ฝึกหัดและในที่สุดพระองค์จะทรง“เลือก”บางคนและต้องถือว่าเป็นจำนวนเพียง15-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับเลือก
อย่างไรก็ตามเราก็เชื่อว่าพระองค์ทรงมอบหน้าที่ให้กับผู้ที่พระองค์ทรงเรียกมาอยู่ในบ้านเณรหรือในอารามระยะหนึ่งด้วยเหมือนกันเราจึงเห็นหลายๆคนแม้ออกจากบ้านเณรจากอารามก็ยังคงทำงานในนาของพระองค์ด้วยการสอนคำสอนช่วยงานวัดสังกัดกลุ่มองค์กรต่างๆทำงานประกาศพระวาจาของพระองค์อยู่อย่างเข้มแข็ง… จึงต้องถือว่าพวกเขาเหล่านั้นก็มีกระแสเรียกด้วยเหมือนกันแม้จะไม่ใช่เป็นพระสงฆ์หรือนักบวชก็ตาม
วันนี้จึงอยากจะขอให้พี่น้องทุกท่านภาวนาเป็นพิเศษสำหรับ“กระแสเรียก”ของการเป็นพระสงฆ์เป็นนักบวชเพราะท่ามกลาง“กระแสโลก”ที่มาแรงถ้าไม่ช่วยกัน“กระแสเรียก”จะถูกกลืนโดยกระแสโลกไปก็ได้… สวัสดีครับ