อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้
ภาพที่ปรากฎควบคู่ไปกับวันสมโภชพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล หลีกหนีไม่พ้นที่จะเป็นภาพของพระเยซูเจ้า สวมมงกุฎมีเพชรพลอยประดับ ในมือถือคธา แบบกษัตริย์ยุโรป และทรงสวมเสื้อคลุมมีลวดลายตกแต่งประดับด้วยทองคำ บางภาพเสื้อคลุมก็มีเพชรพลอยประดับ ภาพดังกล่าวเป็นจินตนาการของศิลปินชาวยุโรป ยุคโบราณ และภาพ หรือ รูปปั้นดังกล่าวยังคงมีอิทธิพลครองจิตใจของคริสตชนทั่วโลก รวมทั้งคริสตชนในประเทศไทย
ตามความเข้าใจของคริสตชนส่วนใหญ่ เมื่อพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์ พระองค์ก็ต้องแต่งตัว หรือ แต่งองค์แบบกษัตริย์ชาวโลกทั้งหลาย ต้องสวยงาม สูงส่ง และสง่างาม
ในตอนที่ทรงถูกไต่สวนโดยปีลาตก่อนที่จะทรงถูกตัดสินให้เอาไปตรึงกางเขน ปีลาตถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ?” พระเยซูเจ้าทรงตอบด้วยคำพูด 2-3 ประโยค แต่คำตอบสำคัญของพระองค์อยู่ตรงนี้ “อาณาจักรของเราไม่ได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” (ยอห์น 18 ข้อ 36)
เป็นคำตอบที่ชัดเจนมาก อาณาจักรของเราไม่ได้มาจากโลกนี้ และไม่ได้เป็นของโลกนี้ อีกทั้ง ไม่ได้เป็นแบบของโลกนี้ ทรงย้ำประโยคนี้ถึง 2 ครั้ง เมื่ออาณาจักรของพระองค์ไม่ได้เป็นของโลก และไม่ได้เป็นแบบโลก
พระเยซูเจ้าจึงไม่มีกองทัพ
พระเยซูเจ้าจึงไม่มีข้าทาสบริวาร
พระเยซูเจ้าจึงไม่มีอาณาบริเวณขอบข่ายของประเทศ
พระเยซูเจ้าจึงไม่มีพระราชวัง
พระเยซูเจ้าจึงไม่มีพระคลังเก็บสมบัติ
พระเยซูเจ้าจึงไม่มี กรมภูษามาลา ที่จะคอยถวายคำแนะนำเรื่องการแต่งพระองค์ว่าจะต้องสวมเสื้อผ้าอย่างไรใช้มงกุฎอันไหน หรือ ถือคธาแบบใด
สรุปแล้วพระเยซูเจ้าไม่มีอะไรเลย เพราะอาณาจักรของพระองค์ไม่ได้มาจากโลกนี้
ดังนั้น ชุดที่พระองค์แต่งในวันสมโภชวันนี้เป็นชุดที่มนุษย์จับไปใส่ให้พระองค์ ทำให้พระเยซูเจ้าดูแปลกพิลึกไปจากที่พระองค์ทรงเป็นจริงๆ
ความหมายแท้ๆของการสมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ก็คือ พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้ครองชีวิตทุกชีวิต และหัวใจทุกดวงของมนุษย์
ทรงครองชีวิตและหัวใจ หมายความว่า ชีวิตทุกชีวิตของมนุษย์ในโลก หัวใจทุกดวงของมนุษย์ในโลก ยอมศิโรราบทั้งชีวิตและหัวใจของตนแด่องค์พระเยซูคริสตเจ้า ในความหมายที่ว่า ไม่ว่าพระองค์จะทรงสั่งให้ทำอะไรทุกคนก็จะทำ คำสอนที่พระองค์ทรงสอนทุกข้อมนุษย์ทุกคนยอมนำไปปฏิบัติ และนี่คือ ความหมายจริงๆของวันสมโภชพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ข้อน่าคิดก็คือ เมื่อพระเยซูทรงสอนเรื่องความยากจน และใจยากจน พระองค์จะทรงสวมเสื้อคลุมขลิปทอง สวมมงกุฎฝังเพชรพลอย และถือคธาทองคำได้อย่างไร
ทุกอย่างเป็นมนุษย์ที่เอาไปใส่ให้พระองค์ ทำให้พระเยซูเจ้ามองดูเหมือนคนบ้า นอกนั้นยังไม่พออะไรๆที่พระเยซูตรัสสอนไว้ พวกเราคริสตชนก็ไม่เคยใส่ใจที่จะนำไปปฏิบัติ “เราวางแบบอย่าง (ชีวิต) ไว้ให้แล้ว ท่านจะได้ทำเมือนที่เราทำกับท่าน” (ยอห์น 13 ข้อ 15)
เราได้เลียนแบบอย่างชีวิตของพระเยซูเจ้าสักกระผีกหนึ่ง(1ใน4)บ้างไหม? ในทุกเรื่อง?
ความหมายของการสมโภชพระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ยังปรากฏให้เราได้เห็นในแผนอภิบาลอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ค.ศ.2011-2015 ในท้ายของข้อที่ 9 ข้อความว่า “…..เพื่อสมาชิกทุกคน (พระสงฆ์ นักบวช และ ฆราวาส) จะสามารถดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อ (ความเชื่อฟัง) ความหวัง ความรัก โดยมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลาง”
การมีพระคริสต์เป็นศูนย์กลางก็คือ การมีพระคริสต์อยู่กลางหัวใจของเรา เป็นเจ้าชีวิตของเราแต่ละคน จึงต้องย้อนกลับไปพูดเรื่องเดิมคือ เราเลียนแบบชีวิตของพระเยซูเจ้าในทุกรูปแบบหรือยัง พระเยซูสอนอะไรสั่งอะไรเรายอมทำหมดหรือยัง? ไม่ต้องมากมายขอเพียงแต่กระผีกเดียว