“ปัสกา”…มองไปข้างหน้าด้วย “สายตาแห่งความหวัง.”
เปโตรกับศิษย์คนนั้นจึงออกไป มุ่งไปยังพระคูหา… เข้าไปในพระคูหาและเห็นผ้าพันพระศพวางอยู่ที่พื้น รวมทั้งผ้าพันพระเศียรซึ่งไม่ได้วางอยู่กับผ้าพันพระศพ แต่พับแยกวางไว้อีกที่… เขาเห็นและมีความเชื่อ เขาทั้งสองคนยังไม่เข้าใจพระคัมภีร์ที่ว่า พระองค์ต้องทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย (ยน 20:3,6-9)
สุขสันต์วันปัสกา ขอสันติสุขของพระเยซูคริสตเจ้าผู้กลับคืนชีพได้อยู่กับพี่น้องทุกท่าน ขอความหวังที่จะร่วมชีวิตกับพระองค์และได้รับการกลับคืนชีพเช่นเดียวกันและพร้อมกับพระองค์จงเป็นความหวังของการเดินทางในโลกนี้ของเรา เป็นของเราพี่น้องเสมอไปครับ
วันสองวันในช่วงปีใหม่ไทย “วันสงกรานต์” ที่ผ่านมา กลับบ้านเพื่อไหว้คุณแม่ที่บ้านเพื่อขอพรและร่วมภาวนากับแม่ ปีนี้แม่ดูแข็งแรงยิ้มร่าเริง และที่สำคัญได้เห็นแม้เดินได้ด้วย แม้ว่าจะมีเครื่องสี่ขาช่วยพยุงในการเดินให้มั่นคงก็ตาม คุ้มแล้วที่วางหลายสิ่งหลายอย่างไว้และมีโอกาสได้มาเห็นแม่เช่นนี้ ไม่ได้เห็นแม่เดินเองมากว่าสิบปีแล้ว อาจจะเพราะคุ้นกับการนั่งที่เตียง หรืออาจจะเพราะน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมาก หรือด้วยเหตุใดก็ตาม นับว่าดีอีกทั้งลูกๆหลานๆมีความสุขแล้วที่พบแม่เดินเองได้ แสดงว่าแม่แข็งแรง
“เราเชื่อว่า ถ้าเราตายพร้อมกับพระคริสตเจ้าแล้ว เราก็จะมีชีวิตพร้อมกับพระองค์ด้วย…” (รม 6:8)
หลังจากที่ได้นั่งสวดสายประคำด้วยกัน เมื่อสวดจบแม่พูดอยู่หลายถ้อยคำ มีถ้อยคำหนึ่งที่แม่พูดและสะกิดใจ และเกี่ยวข้องกับ “วันสมโภชปัสกา” และ”ความหมายของการกลับคืนชีพขององค์พระเจ้า” พระผู้ไถ่ของชาวเรา ที่พ่อปรารถนาจะแบ่งปันให้กับทุกคน แม่พูดว่า “พ่อมี (บิดาผู้ล่วงหลับ) คงจะอยู่ในสวรรค์แล้วนะ”
ชีวิตของแม่พ่อ เข้าใจว่าใกล้เคียงกับเราทุกคน ผ่านประสบการณ์พบเห็นความเจ็บปวด ความเจ็บป่วย รวมทั้งความตายล้มหายตายจาก จากผู้คนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ไม่รู้จักกับเราเป็นเพียงเพื่อนร่วมโลกยามเราพบเห็นตามหน้าข่าวบ้านเมือง ผู้ที่อยู่ห่างไกลไม่ค่อยรู้จักมากนัก จนถึงผู้ที่สนิทชิดเชื้อ เป็นญาติพี่น้อง เป็นผู้มีพระคุณ เป็นคนในครอบครัว
แม่ได้พบเห็น การจากไปของคู่ชีวิตที่ร่วมชีวิตกัน ร่วมสร้างหลายสิ่งหลายอย่างมาด้วยกัน เป็นต้นลูกๆและชีวิตของลูกๆในครอบครัว มั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ยากจะรับได้เมื่อพบเห็น “ครึ่งหนึ่งของชีวิต” ต้องจากกันไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาในโลกนี้ ที่สุดได้เข้าใจว่าแม่ได้พบเห็นความจริงจากการพบการสูญเสีย นั่นคือ “ความหวัง…ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ” หวังว่า “พ่อมี…คงจะอยู่ในสวรรค์แล้วนะ”
ทูตสวรรค์กล่าวแก่สตรีทั้งสองคนว่า“อย่ากลัวเลย ข้าพเจ้ารู้ว่าท่านกำลังมองหาพระเยซู ผู้ถูกตรึงบนไม้กางเขน พระองค์มิได้ประทับอยู่ที่นี่ เพราะทรงกลับคืนพระชนมชีพแล้วตามที่ตรัสไว้ มาซิมาดูที่ที่เขาวางพระองค์ไว้แล้วจงรีบไปบอกบรรดาศิษย์ว่า ‘พระองค์ทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายแล้ว’ นี่คือข่าวดีที่ข้าพเจ้าแจ้งแก่ท่าน” (มธ 28:5-7)
เป็นความหมายที่แท้จริงของเราคริสตชน สำหรับการสมโภชวันอันสำคัญที่สุดนี้ “วันปัสกา” นั่นคือ ชีวิตของเราที่ลงทุนร่วมแรงตามความเชื่อต่อพระเป็นเจ้า ดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูคริสตเจ้า ชีวิตของเราที่ผ่านความทุกข์ ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด ผ่านความตายและการสูญเสียโดยไม่สิ้นหวัง ไม่ทิ้งความเชื่อ แต่เรายังนำทุกสิ่งในชีวิตของเรามาร่วมและรวมเข้ากับชีวิตของพระเยซูเจ้า
มองวันนี้ พระองค์ได้รับทนทรมาน ได้สิ้นพระชนม์ และได้รับการกลับคืนชีพ มองไปวันข้างหน้า…ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ ด้วยความหวังอันล้นปรี่ เราและทุกคนที่เรารู้จักจะได้รับการกลับคืนชีพพร้อมกับพระองค์ท่านด้วย “วันสมโภชปัสกา”สมโภชและยินดีถึงเหตุการณ์ที่พระองค์กลับคืนพระชนม์ชีพ จึงเป็นวันที่ย้ำให้เรามั่นใจถึงรางวัลพระราชัยสวรรค์ที่เราจะได้รับร่วมกับพระองค์นั่นเอง. นกขุนทอง