อัศจรรย์” : พลังของพระเยซูผู้กลับคืนชีพ พลังที่มองตามสายตาชาวโลก…ไม่เข้าใจ
“พระองค์ทรงบันดาลให้เราบังเกิดใหม่และมีความหวังที่จะมีชีวิต อาศัยการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซู
คริสตเจ้า…ท่านจงชื่นชม เหตุว่าท่านมีความรักต่อพระเยซูคริสตเจ้าทั้งๆที่ยังมิได้เห็นพระองค์ แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่างๆชั่วขณะหนึ่ง เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ” (เทียบ1ปต1:3,6-8)
ช่วงก่อนสมโภชปัสกาปีนี้ มีข่าวคราวของโลกที่สะเทือนใจเราพี่น้องคริสตชนและพี่น้องทั่วไปมากมายหลากเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องใกล้ตัวในประเทศไทยของเราที่ยังไม่สามารถลดตัวตนของตนเองเพื่อความรักประสาพี่น้องความรักประสาผู้มีพระในหัวใจ
เรื่องสะเทือนใจที่รุนแรงมากๆเรื่องหนึ่งคือเหตุการณ์“เรือเฟอร์รี่พาข้ามฟากทะเล“เซวอล” ที่พาผู้โดยสาร476 ชีวิตไปเผชิญกับโศกนาฏกรรมนับวันนี้เสียชีวิตไปแล้ว59 ศพ ยังสูญหาย243 คนยังพอมีข่าวดีบ้างที่ได้ช่วยชีวิตไว้ได้174 ชีวิต ที่น่าเจ็บปวดผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน.
“พวกเขาพร้อมใจกันไปที่พระวิหารและไปตามบ้านประชุมกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อร่วมพิธีบิขนมปังฟังคำสั่งสอนของบรรดาอัครสาวกดำเนินชีวิตร่วมกันฉันพี่น้องร่วมทานอาหารด้วยความยินดีและเข้าใจกันเขาทั้งหลายอธิษฐานภาวนาและสรรเสริญพระเจ้าและได้รับความนิยมจากประชาชนทุกคน” (เทียบกจ2:42,47)
ท่ามกลางความมืดมนจนหนทางและเจ็บปวด ย่อมมีแสงสว่างความหวังและทางออกเสมอ ในช่วงเวลาคับขันที่เรื่อเฟอร์รี่พาข้ามฟากทะเล“เซวอล” มีข่าว“แสงสว่างสองดวง” ที่ถูกจุดสว่างไสวท่ามกลางความมืดมนหมดหวังแม้ว่าเมื่อจบเรื่องแล้ว่าตัวแสงสว่างนั้นจะต้องถูกดับลงก็ตาม
ความกล้าหาญและเสียสละของ“จองซาอุง” ประธานนักเรียนวัย17 ปีและ“ปาร์คจียอง” พนักงานลูกเรือสาววัย27 ปี เขาทั้งสองเพื่อช่วยเพื่อนและรุ่นน้องร่วมถึงหลายคนในเรือให้รอดชีวิต แม้ในที่สุดทั้งสองไม่สามารถหนีได้ทันและจบชีวิตลงในเหตุการณ์น่าสลดใจครั้งนี้
“สันติสุขจงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด พระบิดาทรงส่งเรามาฉันใด เราก็ส่งท่านทั้งหลายไปฉันนั้น…จงรับพระจิตเจ้าเถิด ท่านทั้งหลายอภัยบาปของผู้ใดบาปของผู้นั้นก็ได้รับการอภัย…” (ยน20:21-23)
เชื่อว่าทั้งสองคนแม้จะจบชีวิตลง แต่ทั้งสองเป็นแสงสว่างที่ถูกจุดและแม้จะดับลงแต่พระเยซูคริสตเจ้าจะเป็นน้ำมันเป็นพลังให้แสงสว่างของเขาจะกลับมาลุกช่วงโชติอีกครั้งและตลอดไป อีกทั้งเป็นแสงสว่างส่องทางดำเนินชีวิตของเราทุกคนต่อไป เชื่อว่าทั้งสองคนนี้รักชีวิตของตน แต่เมื่อชีวิตของทุกคนอยู่ต่อหน้า…พวกเขากลับมีพลัง
เชื่อมั่นว่าพลังของพระเยซูเจ้าผู้ที่พระบิดาทรงส่งมาพระองค์ยอมรับความตายและกลับคืนชีพเป็นพลังสำหรับเราทุกคนที่แม้จะรักชีวิตไม่ต้องการความเจ็บปวดรวมทั้งความตาย แต่พระองค์ทรงเป็นพลังสำหรับเรา เพื่อเราจะสามารถมอบชีวิตของเราให้แก่กัน เพื่อเราจะสามารถทำอัศจรรย์ของพระองค์ให้เกิดขึ้นจริง
เป็น“อัศจรรย์” ที่เปี่ยมด้วยพลังที่มองตามสายตามนุษย์สายตาชาวโลก…ไม่อาจเข้าใจ