เขาจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง
พระวรสารวันนี้น่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสิ่งที่พระศาสนจักรทั้งในระดับสากล และในระดับท้องถิ่นกำลังพยายามทำกันอยู่ ซึ่งได้แก่ การประกาศพระวรสารแบบใหม่ หรือ การประกาศพระวรสารแนวทางใหม่ (The New Evangelization)
พระศาสนจักรได้นำเสนอกิจกรรมต่างๆ ที่จะนำไปสู่การประกาศพระวรสารแบบใหม่ แต่ละหน่วยงานก็พยายามที่จะนำเอาแนวทางที่พระศาสนจักรได้ให้ ไปจัดเป็นกิจกรรมในส่วนของตน เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวกับคำสอน ก็จะนำเสนอสิ่งตีพิมพ์ด้านคำสอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ ก็จะนำเสนอ การจัดพิมพ์พระวรสารในรูปแบบและฉบับต่างๆ เพื่อรณรงค์ให้คริสตชนได้อ่าน โดยมีจุดประสงค์ให้คริสตชน รวมทั้งผู้ที่ไม่ใช่คริสตชน ได้อ่าน เพื่อจะได้รับรู้และสัมผัส กับองค์พระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ฯลฯ
พระวรสารวันนี้อยู่ในแนวทางเดียวกับที่พระศาสนจักรกำลังกระทำอยู่ ก็คือ เพื่อให้ผู้ร่วมเดินทาง ได้จำพระองค์ได้
ในพระวรสารวันนี้ พระเยซูเจ้าคนเดิม แต่มีชีวิตใหม่ ได้ปรากฏพระองค์ร่วมเดินทางไปกับศิษย์ 2 คน ทั้ง 3 พูดคุยสนทนากันตลอดการเดินทาง น่าจะเป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนจะมาถึง หมู่บ้านเป้าหมาย พระเยซูเจ้าก็พยายามพูดคุยกับพวกเขา พระองค์พยายามเปิดตาของพวกเขา เพื่อให้พวกเขาได้เห็นความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวของพระองค์ ยกพระคัมภีร์มาพูดอ้างอิง แต่จนแล้วจนรอดพวกเขา ก็ยังคงตามืดบอด ไม่สามารถจำ หรือ สัมผัสพระองค์ได้ จนพระองค์ต้องประณามว่า “เจ้าคน เขลา…ใจเชื่องช้า” ที่สุดก็มาถึงจุดสุดท้าย ที่โต๊ะอาหาร ทรงหยิบขนมปังและบิส่งให้พวกเขา พวกเขาจึงตาสว่าง
เป็นที่น่าประหลาดใจ ที่พระเยซูผู้กลับคืนพระชนม์ชีพ ร่วมเดินทางอยู่กับพวกเขาทั้ง 2 คน ทรงพยายามพูดอธิบาย แต่พระองค์ไม่สามารถทำให้พวกเขารับรู้อะไรเลย แต่มาตาสว่างเมื่อทรงบิขนมปังแจก
คำพูดคำสอนที่พระเยซูพยายามพูดกับพวกในระหว่างทาง ไม่สามารถเปิดตาพวกเขาได้เลย แม้แต่น้อยนิด เวลาหลายชั่วโมงของการร่วมเดินทางกับพระเยซูเจ้าก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาจำพระองค์ได้แม้แต่น้อย
แต่พอมาถึงจุดช่วงสั้นๆ ของการ บิขนมปังส่งให้ พวกเขาจำพระองค์ได้
การพยายามสอนคำสอน เป็นสิ่งที่ดี การร่วมพูดคุยพระวาจา เพื่อพบพระเยซูเจ้าเป็นสิ่งที่ดี การจัดพิมพ์หนังสือ เอกสาร เพื่อให้คนได้อ่านได้ศึกษาเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ตัวเราและผู้อื่น พบและสัมผัสกับองค์พระเยซูเจ้าผู้กลับคืนพระชนม์ชีพได้ แต่มีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น ที่สามารถช่วยให้เกิดการพบและสัมผัส พระเยซูเจ้า ก็คือ วิธีการทำให้ขนมปังถูกหัก
ขนมปัง คือ ชีวิตของพระเยซูเจ้า การบิ และ การหัก ก็คือ การทำลายตัวตนของพระเยซูเจ้าเองเป็นการทำลายตัวตนด้วยความสมัครใจ เราถูกเตือนสติด้วยบทภาวนาประโยคนี้ ในคำภาวนาสั้นๆในบทขอบพระคุณของบูชามิสซา “ก่อนที่พระคริสตเจ้าจะทรงมอบพระองค์เพื่อรับทรมานโดยสมัครพระทัย”
พระเยซูเจ้า ยอมหักชีวิตของพระองค์ตั้งแต่วันที่พระองค์นอบน้อมต่อพระบิดา ยอมมาบังเกิดเป็นมนุษย์
พระเยซูเจ้า ยอมหักชีวิตของพระองค์ทุกๆ วันที่ทรงเรียนรู้น้ำพระทัยของพระบิดา และยอมปฏิบัติตามซึ่งเราเห็นได้จาก พฤติกรรม และคำสอน ทุกอย่างที่พระองค์พยายามถ่ายทอดให้แก่เรา ด้วยการเทศน์สอน และ ด้วยการดำเนินชีวิตให้ดูเป็นตัวอย่าง
พระเยซูเจ้า ยอมหักชีวิตของพระองค์ณ จุดสุดท้ายในสวนเกทเสมนี อันนำพระองค์ไปสู่ กลโกธา
การหักปังเป็นสัญลักษณ์ แต่ก็เน้นให้เกิดการทำให้เป็นชีวิตจริงๆ ที่พระเยซูเจ้าเชิญชวนให้พวกเราทำตาม
การประกาศข่าวดี ที่มีสัมฤทธิ์ผลมากที่สุด ที่จะช่วยทั้งตัวเรา และช่วยผู้อื่น ให้ได้พบและสัมผัสองค์พระเยซูเจ้าจริงๆ คือการยอมหักชีวิตของตัวเราเอง อย่างที่พระเยซูเจ้าทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
ปังที่พระสงฆ์ชูขึ้นให้สัตบุรุษได้เห็นในบูชามิสซา จะต้องเป็นปังที่ถูกหักครึ่งแต่พระสงฆ์ จำนวนไม่น้อย ได้พยายาม ชูปังที่ถูกหักแล้ว โดยพยายามเอามาต่อประสานให้เป็นแผ่นปังกลมๆเพื่อให้ดูสวยงาม และยังคงรูปเดิม ซึ่งเพี้ยนไปจากความหมายของปังที่ถูกหัก
และสุดท้ายการประกาศพระวรสาร หรือข่าวดีจะต้องกระทำด้วยชีวิตที่ถูกหัก มากกว่า การประกาศเทศน์สอนด้วยปาก หรือด้วยการใช้เทคโนโลยี การสื่อสารที่ทันสมัย
…สวัสดี…