สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 18พฤษภาคม 2014
(ต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว)
ดังนั้น เมื่อกล่าวถึง “คริสตชน” หรือ “คนของพระคริสต์” จึงหมายถึง พวกเราทุกคนที่เลื่อมใส ศรัทธาในองค์พระเยซูคริสตเจ้า หรือ จะเรียกว่าเป็น “ศิษย์” ของพระองค์ก็ได้ เราทุกคนในที่นี้ กินความรวมถึงทุกๆ คนที่เป็นทั้ง พระสงฆ์ นักบวช และฆราวาส เพราะต่างก็มีความเชื่อ เลื่อมใส ศรัทธาในพระองค์เหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่บทบาทและหน้าที่ ที่แตกต่างกันออกไปเท่านั้นเอง
เมื่อเราทุกทราบว่าคุณสมบัติของ “คนของใคร” จะต้อง จงภักดี กระทำตามคำสอน คำสั่ง และเลียนแบบอย่างชีวิตของคนนั้น หน้าที่ของคริสตชน จึงต้องมีความมุ่งมั่นที่จะรำพึง ไตร่ตรองถึงพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสตเจ้า ต้องศึกษาพระวาจาหรือคำสั่งของพระองค์ และปฏิบัติตามพระฉบับแบบที่พระองค์ทรงกระทำให้ดี เพราะการกระทำเช่นนี้ จะทำให้คุณค่าของความเป็นคริสตชนเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์
เราทราบว่าพระเยซูคริสตเจ้า ทรงพระชนม์บนโลกนี้ 33 ปี ในฐานะมนุษย์และพระเป็นเจ้า เมื่อเราศึกษาพิจารณากันจะพบว่า เขามักจะแบ่งพระชนม์ชีพของพระองค์ออกเป็น 2 ภาค คือ
1. ภาคพระชนม์ชีพเร้นลับ ซึ่งกินเวลาถึง 30 ปี เป็นเวลาตั้งแต่ทรงบังเกิดจนกระทั่งถึงพระชนม์ชีพ 30 พรรษา เป็นช่วงเวลาที่ทรงอยู่กับครอบครัว เริ่มต้นเป็นกุมารน้อย เป็นเด็ก เป็นวัยรุ่น และเป็นหนุ่ม ทรงมีพระชนม์ชีพเหมือนคนทั่วๆ ไป อยู่ในความดูแลของแม่พระและนักบุญยอแซฟ ทรงช่วยเหลือท่านทั้งสองทำงานต่างๆ มีเพื่อน มีคนรู้จัก ฯลฯ
อาจจะมีบางครั้งที่ทรงแสดงพระองค์เป็นพิเศษแต่ไม่บ่อย เช่น เมื่อแม่พระนำไปถวายในพระวิหารขณะที่เป็นทารก (ลก. 2:22-28) และอีกครั้งหนึ่งเมื่อทรงอยู่ท่ามกลางหมู่ธรรมาจารย์ ตอบถามปัญหาต่างๆ กับพวกเขา จนทำให้ทุกคนแปลกใจ (ลก. 2:41-50) แต่ส่วนใหญ่แล้วประชาชนทั่วไปก็ยังมิได้รู้จักพระองค์ คงรู้เพียงว่าพระองค์คือ ลูกชายของยอแซฟและมารีย์ มีอาชีพเป็นช่างไม้ เท่านั้นเอง เราจึงบอกว่า ช่วง 30 ปีของพระองค์ คือ ช่วงของพระชนม์ชีพเร้นลับ
2. ภาคพระชนม์ชีพเปิดเผย ซึ่งมีระยะเวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น แต่ถือว่าเป็น 3 ปี ที่ทรงเปิดเผย ประกาศตนของพระองค์อย่างชัดเจนว่า พระองค์เป็นใคร มาจากไหน และมาทำอะไรในโลก… ซึ่งเราพบว่าในพระวรสารทั้ง 4 นั้น แทบทั้งฉบับจะกล่าวถึง พระชนม์ชีพ 3 ปีสุดท้ายของพระองค์ มีภาคพระชนม์ชีพเร้นลับ 30 ปีแรกนั้นเพียงเล็กน้อย ที่เป็นดังนี้ เข้าใจว่าเนื่องจากพระวรสารทั้ง 4 นั้น ต้องการจะเน้นเรื่องคำสอน (การเทศน์สอน) และเเบบอย่างชีวิต ที่พระองค์ทรงกระทำเป็นสำคัญนั่นเอง…
(ต่อสัปดาห์หน้า… สวัสดีครับ)