อย่ารอไปสวรรค์หลังตาย
ในหนังสือกิจการอัครสาวกของบทอ่านที่ 1 วันนี้ “เมื่อตรัสดังนี้แล้ว พระองค์เสด็จสู่สวรรค์ต่อหน้าเขาทั้งหลาย” ส่วนในพระวรสาร “แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”
ดูเหมือนข้อความทั้งสองขัดแย้งกัน แต่มีคำอธิบาย การล่องลอยของร่างของพระเยซูเจ้าขึ้นสู่สวรรค์ เป็นเพียงการสร้างภาพ ให้อัครสาวกเกิดความเข้าใจ ตามความคิดของมนุษย์ปุถุชนทั่วไป ในข้อความที่พระองค์ได้เคยตรัสไว้แก่พวกเขาว่า พระองค์มาจากเบื้องบนและจะต้องกลับไปสู่เบื้องบน ดังนั้นการเหาะลอยขึ้นไปสู่เบื้องบนของร่างกายของพระเยซูเจ้า ต้องการจะเน้นย้ำ ยืนยันถึงคำพูดดังกล่าว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลังจากการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระองค์จากความตาย ร่างกายของพระเยซูเจ้าได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยพลังอำนาจขององค์พระผู้เป็นเจ้า ทำให้ร่างกายของพระองค์กลายเป็น พระกายทิพย์ ซึ่งมีความเป็นอยู่แบบใหม่ โดยไม่ขึ้นอยู่กับเวลาและสถานที่ โหมด(Mode) การประทับอยู่ของพระเยซูเจ้าหลังการกลับคืนพระชนม์ชีพ เรียกกันว่า เป็นการประทับอยู่อย่างเร้นลับ(Mystical Presence) แตกต่างจากความเป็นอยู่ของมนุษย์ธรรมดาสามัญ ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจได้ ดังนั้นสิ่งที่พระองค์ตรัสว่า “จงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” จึงเน้นย้ำถึงความจริงข้อนี้
การเสด็จขึ้นสวรรค์โดยมีร่างกายเหาะลอยขึ้นไปสู่เบื้องสูงเป็นเพียงฉาก อธิบายให้มนุษย์ผู้ยังคงมีความคิดแบบมนุษย์ได้พอเข้าใจได้ว่า มาจากข้างบนก็ต้องกลับไปสู่เบื้องบน แต่ในความเป็นจริงพระองค์ทรงอยู่กับพวกเราแล้ว ตั้งแต่วันที่พระองค์ทรงกลับคืนพระชนม์ชีพ ด้วยโหมดการประทับอย่างเร้นลับ นั่นเองและยังคงอยู่กับพวกเรานับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ และจะอยู่อย่างนั้นไปทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ สิ่งสำคัญก็คือ เราต้องรู้จักวิธีสัมผัสและรับรู้ถึงการประทับอยู่ของพระองค์ ซึ่งพระเยซูเจ้าก็ได้ให้คำแนะนำวิธีสัมผัสกับพระองค์ไว้แล้ว ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ใน ยอห์นบทที่ 14 ข้อ 21 “ผู้ที่มีบทบัญญัติของเราและปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา”
การยอมปฏิบัติตามพระวาจาและคำสอนของพระเยซูเจ้าอย่างเคร่งครัด เอาจริงเอาจัง หรือการรู้จักหัดนบนอบเชื่อฟังพระองค์ เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเรา ให้ได้มีชีวิตสัมผัสกับพระเยซูเจ้าผู้ทรงอยู่กับเราทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ
การสัมผัสกับพระเยซูเจ้า ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปแสวงบุญในแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ให้สิ้นเปลืองเงินเปลืองทอง โดยใช่เหตุ ซึ่งหลายคนยังคงเข้าใจผิดอย่างมากๆในเรื่องนี้ ว่าจะต้องไปเหยียบแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ไปในสถานที่ที่พระองค์เกิดและตาย แล้วจะได้สัมผัสกับพระเยซูเจ้าในถิ่นที่พระองค์เคยอยู่ เคยประทับ
การจะมีชีวิตสัมผัสกับองค์พระเยซูเจ้านั้นไม่ยาก ถ้าเรารู้จักวิธี เพียงการรู้จักนำพระวาจามาไตร่ตรอง การลงมือ พยายามทำตามพระวาจาหรือปฏิบัติตามพระวาจาอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ใช่ปฏิบัติแต่เปลือกๆ หรือเลือกปฏิบัติเฉพาะบางข้อ เป็นวิธีที่พระเยซูเจ้าพอพระทัยมากที่สุด และเมื่อทรงพอพระทัย พระองค์ก็จะแสดงตัวของพระองค์ ให้เราได้รับรู้ ได้สัมผัส และเมื่อชีวิตของเราได้สัมผัสกับชีวิตของพระเยซูเจ้า แล้วนั่นคือสวรรค์น้อยๆในโลกของเรา