“ไหวไหม…พระองค์ คือ…พลัง
“…พระจิตเจ้าจะเสด็จลงมาเหนือท่าน และท่านจะรับอานุภาพเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน” (กจ 1:8)
การเป็นพยานยืนยันในความจริง ยืนหยัดในความดี ไมใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆในชีวิตเรา มนุษย์ธรรมดาเดินดินที่มีความอ่อนแอตามประสามนุษย์ ความท้าทายต่อชีวิตของเราที่จะยืนหยัดในความดีงามและความจริงนั้นไม่ใช่ใครอื่น แท้ที่จริงแล้วเป็นความอ่อนแอที่เราแต่ละคนมีอยู่ เรารักตัวเราเองจนไม่เหลือเศษเสี้ยวใดในดวงตาที่จะเหลือเพียงพอเหลือบเหลียวแลเพื่อนพี่น้องที่เจ็บปวด และเข้าใจเขา… “ท้อแท้เหมือนกัน กับธรรมชาติความอ่อนแอของตน”
“พระเจ้าทรงมอบอำนาจอาชญาสิทธิ์ทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินให้แก่เรา ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงไปสั่งสอนนานาชาติให้มาเป็นศิษย์ของเรา ทำพิธีล้างบาปให้เขาเดชะพระนามพระบิดา พระบุตร และพระจิต จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน” (มธ28:18-19)
ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย คนพูดความจริงต่างหากที่จะต้องตาย” นับเป็นสุภาษิตที่เราได้พบและเข้าใจความหมายเป็นอย่างดี น้ำตาตกใน น้ำท่วมปากคนดีมีธรรมทุกครั้งที่พบว่าความดีงาม ความจริงเป็นอย่างหนึ่ง แต่ไม่สามารถเยียวยา ช่วยเหลือให้ความดีงามนั้นเกิดขึ้นจริงในสังคม ในหน่วยงานอันเป็นที่รักของตน ซ้ำร้ายยิ่งกว่า ตนเองยังถูกเข้าใจผิดบ้าง ถูกเบียดเบียนด้วยวิธีการต่างๆ … “อ่อนล้าและอ่อนแรงเหลือเกิน”
“แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ” (มธ 28:20)
ถามกันหลายต่อหลายครั้ง “หากเราพบประสบการณ์อ่อนล้าและหมดแรง….เราสู้กับแรงเสียดทาน ท้าทายให้เรายืนยันในความจริงยืนหยัดในความดีงาม…เราหมดแรง แล้วเราจะทำอย่างไรดี” ฟังพระวาจา นั่งลง และพักกับพระองค์ พระเยซู พระอาจารย์เจ้า
ครั้งนี้ไม่ขอแนะนำอะไรที่พิเศษ แนะนำเพียง “พระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงพร้อมอยู่เคียงข้างเราเสมอ…พระจิตของพระองค์ทรงเป็นพลัง เป็นแสงสว่างเสมอเพื่อเราจะพบกับทางออกในความมืดมนที่ท้าทายจิตใจของเรา” …เหนื่อยแค่ไหน ไหวไหม มั่นใจในพระองค์เถิด “พระองค์ คือ พลังของเรา”
นกขุนทอง.