พระตรีเอกภาพ
โดย คุณพ่อเอกรัตน์ หอมประทุม
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งขณะที่นักบุญเอากุสตินซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ของพระศาสนจักร กำลังพยายามหาคำจำกัดความหรือคำอธิบายที่ชัดแจ้งเกี่ยวกับพระตรีเอกภาพ ในเรื่องที่เกี่ยวกับข้อความเชื่อที่ว่า “สามพระบุคคลรวมเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว”แม้จะพยายามครุ่นคิดครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ยังหาคำจำกัดความที่ครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ได้
นักบุญเอากุสตินเลยพักสมองด้วยการไปเดินเล่นที่ชายทะเล และได้สังเกตเห็นเด็กคนหนึ่งกำลังทำหลุมเล็กๆ บนพื้นทราย ท่านนักบุญเฝ้าดูต่อไปก็เห็นเด็กคนนั้นเอาเปลือกหอยไปตักน้ำทะเลมาเทใส่หลุมนั้น เนื่องจากเป็นหลุมทรายน้ำทะเลจึงซึมหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เด็กคนนั้นไม่ละความพยายามไปตักน้ำทะเลมาเทใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่สุด นักบุญเอากุสตินจึงถามเด็กนั้นว่า “ทำไมถึงทำอย่างนั้นละ”เด็กคนนั้นตอบว่า“ผมจะเอาน้ำทะเลทั้งหมดมาใส่ในหลุมนี้”นักบุญเอากุสตินหัวเราะด้วยความเอ็นดู พร้อมกับอธิบายว่า “เด็กโง่เอ๋ย เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะเอาน้ำทะเลซึ่งกว้างใหญ่ไพศาลมาใส่ในหลุมเล็กๆ นี้ได้หมด”เด็กคนนั้นจึงย้อนคืนว่า “คงเหมือนกันกับท่านที่ไม่มีทางที่หาคำจำกัดความเรื่องพระตรีเอกภาพที่ยิ่งใหญ่สูงสุด ด้วยสมองเพียงน้อยนิดของท่าน”ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นักบุญเอากุสตินจึงเลิกที่จะหาคำจำกัดความเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก
พระตรีเอกภาพ(Trinity)ความหมายที่ชัดเจนที่สุดของเราคริสตชนก็คือ “พระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าหนึ่งเดียว แต่เป็นสามพระบุคคล คือ พระบิดา พระบุตร และพระจิต และทั้งสามพระบุคคลทรงเป็นพระเจ้าเดียว” ซึ่งบทบาทของแต่ละพระบุคคลเราพบได้ในบทยืนยันความเชื่อที่ว่า… “ข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า พระบิดาผู้ทรงสรรพานุภาพ ทรงเนรมิตฟ้าดิน ข้าพเจ้าเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรหนึ่งเดียวของพระเจ้า… ทรงรับทรมานสมัยปอนทิอัส ปิลาต ทรงถูกตรึงกางเขน สิ้นพระชนม์ และทรงถูกฝังไว้… วันที่สามทรงกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตาย…ข้าพเจ้าเชื่อในพระจิตเจ้า….”
เมื่อพูดถึง “พระตรีเอกภาพ”เราจะเห็นภาพของความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา เห็นถึงความรักของ “พระบิดา” ที่ทรงส่งพระบุตรแต่องค์เดียวของพระองค์ลงมาไถ่บาปมนุษย์ เห็นถึงความรักของ “พระบุตร” ที่ยอมสละชีวิตของพระองค์ โดยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปเรามนุษย์ และเห็นถึงความรักของ “พระจิต” ที่นำเราให้เข้าใจความจริงในแผนการของพระเจ้า
“พระตรีเอกภาพ”จึงเป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรา เป็นหนึ่งเดียวกันในความรักของพระบิดา พระบุตร และพระจิต ที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ และเมื่อเราเข้ามาเป็นสมาชิกของพระศาสนจักร เราก็ได้รับศีลล้างบาปในพระนามของพระตรีเอกภาพ เหตุนี้ ชีวิตของเราคริสตชนที่แท้จริง ก็คือ “ชีวิตของพระตรีเอกภาพ” คือ “ความรัก ความเป็นหนึ่งเดียวในระหว่างพี่น้องคริสตชน ตามแบบอย่างของความสมบูรณ์ครบครันแห่งความรักอันเป็นหนึ่งเดียวกันของพระตรีเอกภาพ”
ในเมื่อ “ความรัก”คือสายสัมพันธ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระตรีเอกภาพ เราจะสมโภชพระตรีเอกภาพอย่างมีความหมายได้อย่างไร ….หากหัวใจของเรา “ยังไร้รัก” ? ….ขอพระเป็นเจ้าอำนวยพร…สวัสดีครับ