สมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
จากหนังสือพระนางมารีอา
(ต่อจากฉบับที่แล้ว)
ดังนั้น นักบุญยอห์น ดามัสกัส ผู้แปลความหมายของธรรมประเพณีที่สืบทอดกันมานี้ได้อย่างวิเศษ ได้ให้ข้อเปรียบเทียบอันลึกซึ้งระหว่างสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ประการอื่นๆ ของพระชนนีของพระเป็นเจ้า กับการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งพระกายของพระนาง “เป็นการเหมาะสมแล้วที่พระนางผู้ให้กำเนิดแก่พระบุตร โดยยังเป็นพรหมจารีอยู่จะรักษาพระกายมิให้เน่าเปื่อยหลังจากการสิ้นพระชนม์ เป็นการเหมาะสมแล้วที่พระนางผู้ทรงพระผู้เนรมิตเมื่อยังเยาว์วัยไว้แนบพระอุระ จะได้มีที่พักอาศัยอยู่กับพระเป็นเจ้า เป็นการเหมาะสมแล้วที่เจ้าสาวที่พระบิดาทรงเลือกจะได้อยู่ในสวรรค์ เป็นการเหมาะสมแล้วที่พระนางผู้ซึ่งทอดพระเนตรพระบุตรบนไม้กางเขน มีความรู้สึกเหมือนดวงพระถูกแทงด้วยดาบแห่งความเศร้า ซึ่งไม่มีในพระทัยของพระนางเมื่อพระนางประสูติพระบุตร จะได้เห็นพระองค์ประทับอยู่กับพระบิดา เป็นการเหมาะสมแล้วที่พระชนนีพระเป็นเจ้าจะได้รับความชื่นชมโสมนัสกับสิทธิพิเศษของพระบุตร และได้รับการสรรเสริญจากสิ่งที่ถูกเนรมิตขึ้นมา ในฐานะที่เป็นพระชนนีและผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า”
ตั้งแต่ศตวรรษที่สองเป็นต้นมาบรรดาปิตาจารย์ของพระศาสนจักรได้ชี้ให้เห็นว่า พระนางมารีย์เปรียบเสมือนเอวาคนที่สองแต่ว่ามีส่วนร่วมในการสู้รบกับศัตรูของมนุษยชาติ ผลที่เราปรากฏดังที่เราทราบได้จากพันธสัญญา ที่ทรงให้ไว้ในสวนสวรรค์ คือชัยชนะเหนือบาปและความตายอย่างสมบูรณ์ ทั้งสองสิ่งนี้เป็นศัตรูของเรา พระนางมารีย์ผู้มีส่วนรบในการสู้รบก็ต้องมีส่วนร่วมในผลสุดท้ายด้วย โดยการที่พระกายซึ่งเป็นพรหมจรรย์ของพระนางได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่นั้น ท่านอัครสาวกกล่าวไว้ว่า “เมื่อธรรมชาติที่จะต้องตาย สวมใส่ความอมตะแล้วก็เป็นจริงตามคำที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ความตายจะถูกกลืนโดยชัยชนะ”
พระชนนีผู้ยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูคริสตเจ้าจากนิรันดรกาล โดยพระมหากรุณาธิคุณเดียวกันของพระเป็นเจ้า ในการปฏิสนธินิรมล การเป็นพระชนนีพระเป็นเจ้า และพรหมจารีผู้บริสุทธิ์ยิ่งการมีส่วนร่วมอันประเสริฐกับพระผู้ไถ่ ในการเอาชนะบาปและผลที่ตามมารางวัลอะไรหนอที่คอยพระนางอยู่ในที่สุด? มงกุฎแห่งพระหรรษทานทั้งปวงของพระนาง คือพระกายของพระนางได้รับการยกเว้นจากการเน่าเปื่อย เมื่อพระนางมีส่วนร่วมในชัยชนะต่อความตายกับพระคริสตเจ้า และได้ถูกยกขึ้นไปบนสวรรค์ ทั้งพระกายและพระวิญญาณแล้ว พระนางทรงดำรงตำแหน่งพระราชินี ผู้ประทับอยู่เบื้องขวาพระราชาผู้เป็นอมตะ และครองราชย์ตลอดกาล
การที่พระนางมารีอาได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนี้สอนให้เราตระหนักชัดว่า โลกนี้มิใช่ที่พักพิงหรือบ้านอันถาวรของเรา ทว่าเป็นพำนักในสรวงสวรรค์ที่ซึ่งเราจะพำนักอยู่ พร้อมกับพระมารดาและพระบุตรของพระนาง นั่นคือทั้งดวงวิญญาณและร่างกายของเราที่ต้องเน่าเปื่อยผุพัง พร้อมกับการตายตามกฎของธรรมชาติจะได้รับความบรมสุขตลอดนิรันดรในสรวงสวรรค์ ณ วาระสุดท้ายแห่งกาลเวลา แต่สำหรับพระนางมารีอาแล้ว สิทธิพิเศษของพระนางและการมีส่วนร่วมในหลักการแห่งการร่วมโชคชะตากับพระบุตรของพระนาง ทำให้เกียรติมงคลแห่งมนุษย์ภาพของพระนางได้สำเร็จไปแล้วก่อนถึงเวลานั้น เราทุกคนพึงตระหนักว่า “ไม่ใช่เราทุกคนที่มุ่งไปสู่ความตาย แต่ว่าเราจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความตาย จะกลับคืนชีพอย่างไม่เน่าเปื่อย (1คร.15:51 – 52)