บ้านจริงๆของพระบิดา
“จงนำของเหล่านี้ออกไป อย่าทำบ้านของพระบิดาของเราให้เป็นตลาด”
อะไรคือบ้านของพระบิดา? อิฐและปูนปั้นเหล่านั้นน่ะหรือคือบ้านของพระบิดา? พระบิดาผู้ทรงเป็นจิต และเป็นจิตบริสุทธิ์สุดจะบรรยาย จะยอมขังตัวของพระองค์เองให้อยู่ภายในอาคารอิฐและปูนปั้นเหล่านั้นหรือ? และถ้าพระเป็นเจ้าจะประทับอยู่ในบ้านที่ทำด้วยอิฐและปูนปั้นจริงๆแล้ว พระองค์จะยอมปล่อยให้บ้านที่ประทับของพระองค์ถูกทำลายไปครั้งแล้วครั้งเล่าเทียวหรือ?
พระวิหารเป็นหัวใจของชาวยิว และที่พระเยซูทรงเรียกว่าบ้านของพระบิดา อันทำด้วยอิฐและปูนปั้น ตกแต่งภายในและภายนอกอย่างหรูหรา ด้วยวัสดุราคาแพง ไม่ว่าจะเป็นไม้ เงิน หรือ ทองคำ พระวิหารเหล่านั้นได้ถูกทำลายลงและได้ถูกสร้างขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
พระวิหารหลังที่ 1 ชื่อพระวิหารโซโลมอน ถูกสร้างโดยกษัตริย์โซโลมอน ตั้งอยู่ภายในนครเยรูซาเล็ม แต่พระวิหารหลังแรกนี้ก็ถูกทำลายลง ในปี 587 ก่อนคริสตศักราชเมื่อกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แห่งอาณาจักรบาบิโลเนีย เข้าบุกทำลายนครเยรูซาเล็ม นครศักดิ์สิทธิ์ รวมทั้งกวาดต้อนชาวยิวไปเป็นเชลย อีกทั้งยังทำลายพระวิหารที่พวกยิวถือว่าเป็นที่ประทับของพระเจ้า เป็นบ้านของพระองค์จนราบเรียบ ท่านเยเรมีย์ได้กล่าวเชิงเย้ยหยันไว้ในหนังสือของท่านบทที่ 7 ข้อ 4 ว่า
“อย่าหลงไว้วางใจในคำหลอกลวงเหล่านี้ที่ว่า ‘นี่เป็นพระวิหารของพระยาห์เวห์’พระวิหารของพระยาห์เวห์ พระวิหารของพระยาห์เวห์ (เพราะฉะนั้นมันไม่มีวันถูกทำลาย)”
พระวิหารหลังแรกนี้ถูกทำลายยังไม่พอ เนบูคัดเนสซาร์ยังสั่งให้ขนของประดับตกแต่งในพระวิหารที่ทำจากทองบรอนซ์ ทองคำ และเงิน ไปนครบาบิโลน จนเกลี้ยงไม่เหลือซาก
แต่เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมพระเมตตาของพระเป็นเจ้าก็ ดลบันดาลให้กษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย ยอมปล่อยพวกยิวกลับบ้านในปี 538 ก่อนคริสตกาล และภายใต้การนำของ เศรุบบาแบล ได้มีบูรณะประเทศ และสร้างพระวิหารหลังที่ 2 ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพระวิหารแห่งเศรุบบาแบล เป็นพระวิหารที่เล็กกว่าพระวิหารโซโลมอน พระวิหารนี้ยืนหยัดเป็นหน้าตาของพวกยิวได้ เพียงแค่ 500 ปี ก็ถูกทำลายลงไปอีกเมื่ออาณาจักรโรมันเรืองอำนาจ และภายใต้การนำของปอมเปย์ ได้บุกเข้าโจมตีนครเยรูซาเล็ม พวกยิวต่างหนีไปหลบพักพิงในพระวิหาร โดยคิดว่าจะรอดพ้นถ้าอยู่ในพระวิหาร ปอมเปย์บุกเข้าไปในพระวิหาร และฆ่าพวกยิวที่หลบอยู่ในพระวิหารนั้นตายไปกว่า 12,000 คน รวมทั้งทำลายพระวิหารหลังที่ 2 จนราบเรียบ ในปี 63 ก่อนคริสตศักราช
มีการสร้างพระวิหารหลังที่ 3 ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในยุคสมัยของกษัตริย์เฮรอด ในปี 19 ก่อนคริสตศักราช คือก่อนการบังเกิดของพระเยซูคริสตเจ้า 19 ปี โดยชาวโรมันได้ยินยอมให้สร้างโดยดีเพื่อเอาใจพวกยิว พระวิหารหลังนี้ใช้เวลาสร้างประมาณ 10 ปี และสำเร็จเสร็จสิ้น ในปีที่ 9 ก่อนคริสตศักราช คือก่อนพระเยซูเกิดประมาณ 9 ปี เป็นพระวิหารที่อลังการมาก สร้างโดยใช้แบบแปลนเดียวกับพระวิหารโซโลมอน แต่ใหญ่กว่า 2 เท่าใช้ทองคำมหาศาลประดับประดาพระวิหาร จนกระทั่งสามารถมองเห็นโดมพระวิหารเหลืองอร่ามระยิบระยับ ภายใต้แสงแดดอันแรงกล้า ในระยะไกลๆ แต่แล้วพระวิหารอันโอฬารหลังนี้ก็ถูกทำลายลงอีกเป็นครั้งที่ 3 ในปีคริสตศักราช 70 เหตุผลเพียงเพราะการก่อกบฏของพวกยิว สถานการณ์ของประเทศอิสราเอลในช่วงเวลาดังกล่าว ภายใต้การปกครองของชาวโรมันตึงเครียดอยู่ตลอดเวลา มีการก่อความไม่สงบอยู่ทั่วไป ที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง กองทัพของชาวโรมันต้องประจำการอยู่ทั่วไปหมดในทุกตำบลและทุกหมู่บ้านของประเทศอิสราเอล แต่สุดท้ายมีการก่อกบฏครั้งใหญ่ นั่นคือ ในปี ค.ศ. 70 ชาวโรมันสุดทนกับการกบฏครั้งสำคัญนี้ มีการต้อสู้กันอย่างรุนแรงระหว่างยิวกับโรมัน จักรพรรดิเวสปาเซียน ซึ่งสืบทอดราชบัลลังก์จากจักรพรรดิเนโร ได้ส่งบุตรชายชื่อ ตีตัส(Titus) ให้นำกองทัพไปปราบชาวยิวกบฎ นครเยรูซาเล็มถูกล้อม ชาวโรมันขับไล่พวกยิวจนกระทั่งถอยร่นไปรวมตัวกันในพระวิหาร จากนั้นกองทัพโรมันก็ไล่เข่นฆ่าชาวยิวในพระวิหารนั้นตายไปเป็นจำนวนกว่า 600,000 คน นครเยรูซาเล็ม รวมทั้งตัวพระวิหารถูกทำลายจนไม่เหลือซาก ตรงกับที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสทำนายไว้ในลูกาบทที่ 17 ข้อ 42-44 “ถ้าในวันนี้เจ้าเพียงแต่รู้จักทางนำไปสู่สันติ ก็จะเป็นการดี แต่ทางนั้นถูกซ่อนไว้จากดวงตาของเจ้าเสียแล้ว วันนั้นจะมาถึงเจ้าเมื่อข้าศึกสร้างที่มั่นล้อมเจ้าจะตรึงเจ้าไว้อย่างแน่นหนารอบทุกด้าน จะบุกทำลายเจ้าและลูกหลานที่อาศัยอยู่ในเจ้าจนราบเป็นหน้ากลอง และจะไม่ปล่อยให้มีก้อนหินซ้อนกันอยู่ในเจ้าอีก เพราะเจ้าไม่รู้จักเวลาที่พระเจ้าเสด็จมาเยี่ยมเจ้า” ยิวที่มีชีวิตเหลือรอดอีกประมาณ 300,000 คน ต้องหนีกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง และนั่นคือจุดจบของชาวยิว แต่ก็เป็นการเริ่มต้นของการเดินทางของพระวรสารและข่าวดี ของพระเยซูเจ้า ไปยังทั่วทุกมุมโลก โดยชาวยิวที่ยังยึดมั่นในความเชื่อและความศรัทธาในองค์พระเยซูเจ้า
ตกลงแล้วบ้านของพระบิดาจริงๆแล้วเป็นอะไรกันแน่? คำตอบอยู่ที่นักบุญเปาโล ในจดหมายของท่านวันนี้
“พี่น้อง ท่านทั้งหลายเป็นอาคาร(บ้านพัก)ของพระเจ้า” และ “ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ท่านเป็นพระวิหารของพระเจ้า”
และนี่คือคำตอบ
ดังนั้นพระวิหารนี้จะต้องสะอาด “อย่าทำบ้านพระบิดาของเราให้เป็นตลาด (สด)” เน่าเหม็น สกปรก คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวของโลกียะ รกรุงรังไปด้วย ขยะของโลก รวมทั้งวิถีของโลก
คนเดียวที่สามารถช่วยเราทำความสะอาดพระวิหารหลังนี้ได้ ก็คือ พระเยซูคริสตเจ้า ปัญหามีอยู่เพียงนิดเดียวคือ เราจะยอมให้พระองค์ทำความสะอาดหรือไม่?