“เริ่มต้นเตรียมรับเสด็จพระผู้ไถ่…มองดูความรักของพระเจ้า…สำหรับพี่น้องไทยใน 350ปี”
“จงระวัง จงตื่นเฝ้าเถิด…ท่านทั้งหลายจงตื่นเฝ้าเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะมาเมื่อไร ถ้าเขากลับมาโดยไม่คาดคิด อย่าให้เขาพบท่านกำลังหลับอยู่”(มก 13:33,35-36)
เราเริ่มต้นสัปดาห์แรกของ “เทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้า” เริ่มต้นปีพิธีกรรมรอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง (ปี B เมื่อนับตามแนวทางของพิธีกรรม) และช่วงเวลาเช่นนี้พระเป็นเจ้าเรียกร้องเรา พระศาสนจักรเชิญชวนเราให้เราตั้งใจเป็นพิเศษที่จะเตรียมตัวต้อนรับองค์พระผู้ไถ่ของเราที่จะมาบังเกิด-รับเอาเนื้อหนังแบบมนุษย์ อยู่ท่ามกลางเรา เตรียมตัวด้วยกิจการดีที่เรามอบให้กันและกันเป็นพิเศษ… คุณค่าของของขวัญต่างๆตามสมัยนิยมจึงเริ่มต้นขึ้นและมีคุณค่าตามความหมายนี้ต่างหาก
อันที่จริงความรักของพระที่มีต่อเรามนุษย์-ลูกๆของพระองค์ไม่ได้เริ่มต้นแค่ตรงช่วงเวลาที่องค์พระผู้ไถ่ทรงลงมาบังเกิดเท่านั้น แต่ความรักของพระที่มีต่อเรานั้นพระองค์ทรงมอบให้ตั้งแต่ทรงสร้างโลกและให้ชีวิตกับเราทุกคน เพียงแต่เรานั้นหันเดินออกนอกหนทางแห่งชีวิต เราเดินด้วยชีวิตและหัวใจที่ดื้อด้านต่อความรักของพระองค์ และเราจะรอดพ้นมีชีวิตพระได้อีกครั้งก็ด้วยการหันกลับมาและเดินทางตามหนทางที่เราได้เคยเดินด้วยความรักของพระองค์มาก่อนหน้านี้นั่นเอง
“ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย หลงไปจากวิถีทางของพระองค์เล่า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีใจดื้อด้านจนไม่ยำเกรงพระองค์เล่า…ข้าพเจ้าทั้งหลายจะรอดพ้นโดยเดินตามหนทางที่เคยเดินนานมาแล้ว”(อสย 63:16-17,64:5)
สามร้อยห้าสิบปีมาแล้วที่ความรักของพระมาถึงเราพี่น้องชาวสยาม-พี่น้องชาวไทย ตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยที่บรรดาพระสงฆ์ บรรดามิชชันนารีต่างประเทศหลายเชื้อชาติเดินทางมาจนถึงประเทศสยามในเวลานั้น ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีประจำประเทศสยามของเรา และพวกท่านยังอุทิศชีวิตจากรุ่นต่อรุ่นอย่างไม่ขาดสายไม่ย่อท้อจนถึงปัจจุบันนี้ที่มีกรุงเทพฯเป็นเมืองหลวงเป็นราชธานีศรีประเทศไทยของเรา
สิ่งที่สำคัญสุดคือ… นับตั้งแต่พระเป็นเจ้าทรงให้คำมั่นสัญญา ทรงทำพันธสัญญากับเรามนุษย์ พระองค์ทรงอยู่กับเราเสมอไม่เคยห่างหายและไม่เคยทิ้งเราหรือละทิ้งพันธสัญญาของพระองค์เลย ตั้งแต่สมัยอับราฮัม สมัยโมเสสในการหนีการตามล่าของทหารอียิปต์ สมัยที่รุ่งเรื่องของกษัติรย์ดาวิด สมัยที่ตกต่ำถึงที่สุดช่วงที่ถูกเนรเทศโดยประเทศมหาอำนาจ มาจนถึงสมัยพระเยซูคริสตเจ้าองค์พระผู้ไถ่ทรงลงมาบังเกิดและเจริญชีวิตพร้อมกับเรา
“ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย หลงไปจากวิถีทางของพระองค์เล่า เหตุไฉนจึงทรงปล่อยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายมีใจดื้อด้านจนไม่ยำเกรงพระองค์เล่า…ข้าพเจ้าทั้งหลายจะรอดพ้นโดยเดินตามหนทางที่เคยเดินนานมาแล้ว” (อสย 63:16-17,64:5)
“เวลาสามร้อยห้าสิบปี”… เขียนเป็นตัวเลขมองดูไม่น่าตกใจ “เวลาสามร้อยห้าสิบปีที่ความรักของพระมาถึงและสถิตอยู่กับเราพี่น้องชาวสยาม-ชาวไทยเสมอมาและจะตลอดไป…” หากนับเป็นเวลาจริงๆนั้นช่างยาวนานมากๆ มันเป็นช่วงเวลาไม่ต่ำกว่าชั่วชีวิตของคนเราห้าถึงหกชั่วอายุคนที่เดียว
“สำคัญ…สำคัญที่สุด เวลาสามร้อยห้าสิบปีที่ผ่านมานี้” นับเป็น “เครื่องหมายที่เห็นได้ชัดเจน และมั่นใจได้มากที่สุดว่าพระเป็นเจ้ารักเรา พระเป็นเจ้ารักพี่น้องชาวสยาม-พี่น้องชาวไทยจริงๆ” ยังนึกไม่ออกว่าจะมีใครสักกี่คนที่ “บอกรัก แสดงความรัก มอบความรักให้เราได้ยาวนานถึงขนาด สามร้อยห้าสิบปี” ได้เช่นเดียวกับพระองค์.