อาทิตย์ใบลานปีนี้ ให้เราปากหวาน-ใจพระ พูดบรรเทาให้กำลังใจกันครับ
พระเยซูเจ้าทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี เลมา สะบัคทานี” ซึ่งแปลว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้า” (มก 15:34)
พระเยซูเจ้าหลุดร้องถ้อยคำนี้ออกมา แสดงว่ากางเขนที่พระองค์ทรงรับแบก และถูกตอกตรึงด้วยตะปูนั้นหนักหนาสาหัสและเจ็บปวดมหาศาลแน่นอน และที่สำคัญหัวใจของพระองค์นั้นเจ็บปวดและเริ่มจะอ่อนล้าเต็มทน ในชีวิตของเราก็เช่นกันเมื่อเราตกอยู่ในสภาพความเจ็บปวดเช่นนี้เราจะทรมานขนาดไหนหนอ???
“ข้าพเจ้าก็ไม่ต่อต้าน ไม่หันหลังหนีไป ข้าพเจ้าหันหลังให้แก่ผู้โบยตีข้าพเจ้า และหันแก้มให้แก่ผู้ที่ดึงเคราข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ซ่อนหน้าแก่ผู้สบประมาทและถ่มน้ำลายรด องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าทรงช่วยข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ต้องละอาย” (เทียบ อสย 50:5-7)
ปากแข็ง… คนเราเมื่อต้องการความช่วยเหลือ ต้องการความร่วมมือจากเพื่อนพี่น้องคนอื่นแต่แล้วก็ไม่ยอมร้องขอ ไม่ยอมพูด ไม่ยอมรับความจริง เราเรียกคนเหล่านี้ว่า “คนปากแข็ง” หลายครั้งนะที่เราก็ถูกจัดเข้าสังกัดคนหมู่นี้เหมือนกัน
ปากเสีย-ปิดปาก… คนเราเมื่อมีบางอย่างไม่ได้อย่างที่ใจตนต้องการ บ้างก็ไม่เข้าใจความจริง บ้างก็ไม่เข้าใจพี่น้องรอบข้างคนอื่น แต่เมื่อไม่ได้อย่างที่หวังไว้ ไม่รู้จักอดทน ไม่รู้จักเห็นใจกัน ไม่รู้จักคิดถึงหัวจิตหัวใจคนอื่นจะรู้สึกเช่นไร ไม่เข้าใจคนอื่น เกิดอาการหลุดปาก หลุดคำพูดที่สร้างความร้าวฉาน สร้างความเจ็บปวด-ปวดร้าวให้คนอื่น เราจึงนิยมเรียกคนเหล่านี้ว่า “คนปากเสีย” ปรารถนาเหลือเกินที่จะให้เขา “ปิดปาก” ให้เร็วที่สุด เราไม่อยากได้ยิน แต่ก็มีไม่น้อยนะที่ตัวเราเองก็อาจเป็นเช่นนี้ได้เช่นกัน
“องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าประทานให้ข้าพเจ้ามีลิ้น เหมือนลิ้นของศิษย์ที่พรองค์ทรงสอน เพื่อข้าพเจ้าจะได้รู้จักพูดจาให้กำลังใจแก่ผู้เหน็ดเหนื่อย…” (อสย 50:4)
ปากหวาน… คนเรานั้น เมื่อบางครั้งคิดไตร่ตรองทบทวนอย่างดีแล้ว ไม่ว่าจะเข้าใจจิตใจความนึกคิดของพี่น้องรอบข้าง หรือจะเพื่อป้องกันตัวเอง เขาจะแบ่งปันคำพูดคำจาให้รื่นหู ให้อีกฝ่ายหนึ่งเมื่อได้รับฟังแล้ว จะรู้สึกสดชื่นสบายใจ และพร้อมจะเปิดใจเพื่อรับฟังต่อไป บางทีตัวเรานั้นปรารถนาเหลือเกินที่จะเป็น “คนปากหวาน” แต่ด้วยใจที่ขาดสติบางทีเราก็พูดคำที่เชือดเฉือนกัน น่าเศร้าใจน่าเสียดายจังครับ
ปากหวาน-ใจพระ… คำพูดของพระเยซูนั้น บางครั้งอาจจะแข็งกร้าวไปบ้าง อาจจะไม่หวานจับจิตจับใจดังคนปากหวานนัก แต่หัวใจของพระองค์สิครับที่นับว่าเป็น “ใจพระ” อย่างชัดเจน “แม้ว่าพระองค์ทรงมีธรรมชาติพระเจ้า พระองค์ก็มิได้ทรงถือว่าศักดิ์ศรีเสมอพระเจ้านั้นเป็นสมบัติที่จะต้องหวงแหน แต่ทรงสละพระองค์จนหมดสิ้น…ทรงถ่อมพระองค์จนถึงกับทรงยอมรับแม้ความตาย เป็นความตายบนไม้กางเขน เพราะเหตุนี้ พระเจ้าจงทรงเทิดทูนพระองค์ขึ้นสูงส่ง” (เทียบ ฟป 2:6-9)
ด้วยหัวใจเปี่ยมรักของพระองค์ พระองค์จะเป็นพลังให้เราเมื่อยามเราอ่อนล้า และเพื่อเราจะนำคำของพระองค์ไปแบ่งปัน ไปบรรเทาใจให้กันละกัน แทนที่จะปากเสียปากหมาใส่กัน แต่ให้เรา “ปากหวานและใจพระ” บรรเทากันและกัน.