ทุกอย่างเป็นความผิดของเรา
“เรายังมีแกะอื่นๆซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้…” และเป้าหมายของพระองค์ก็คือ ต้องนำแกะเหล่านั้นเข้ามาอยู่ในคอกเดียวกัน แต่ต้องเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ได้รับมอบหมายให้ช่วยนำแกะเข้าคอกแทนพระองค์
พวกเราในที่นี้ก็คือ พวกเราที่เป็นฆราวาสพวกเราที่เป็นพระสงฆ์ นักบวช
แต่จนแล้วจนรอดผ่านมา 2 พันกว่าปีแล้ว เป้าหมายของพระเยซูเจ้ายังไม่บรรลุผล คำถามคือมันเป็นความผิดของใคร?
มีประโยคเล็กๆในบทอ่านที่ 2 วันนี้ จากจดหมายของนักบุญยอห์น พอจะให้คำตอบแก่เราได้
“โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระองค์”
โลกไม่รู้จักพระเยซูเจ้า ก็เพราะมีสาเหตุมาจากโลกไม่รู้จักเรา และที่โลกไม่รู้จักเราก็เพราะเราไม่ได้ทำตัวให้พวกเขารู้จัก เรามักจะได้ยินคำกล่าวของหลายๆคนที่เป็นคริสตชนแนวหน้า ที่มักจะพูดอยู่เสมอๆว่า “เราต้องทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเขา เพื่อเราจะได้สามารถประกาศข่าวดีได้” แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม การพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับพวกเขา กลับกลายเป็น พวกเราถูกพวกเขากลืนไปเสียเอง
คริสตชนจำนวนไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นฆราวาส พระสงฆ์ หรือนักบวช พยายามทำตัวให้กลมกลืนไปกับวิถีโลก เหตุผลก็เพื่อจะได้แทรกตัวเข้าไปในโลก และสามารถประกาศข่าวดีให้แก่โลก
ปรากฏว่าพวกเราจำนวนไม่น้อยถูกวิถีโลกกลืนกันไปจนแทบไม่มีอะไรที่เป็นคริสตชนหลงเหลืออยู่
นั่นแหละ คือสิ่งที่นักบุญยอห์นกล่าวไว้ “โลกไม่รู้จักเรา เพราะโลกไม่รู้จักพระเยซูเจ้า” และที่โลกไม่รู้จักพระเยซูเจ้าก็เพราะ โลกไม่รู้จักเรา หรือให้ตรงกว่านั้นก็คือ “ที่โลกไม่รู้จักพระเยซูเจ้าก็เพราะ เราไม่ได้ทำตัวเราให้โลกรู้จักพระเยซูเจ้า” ก็เพราะไอ้กระแส การทำตัวให้กลมกลืนไปกับโลกนั่นเอง
บทบาทของคริสตชนก็คือ การทำตัวให้แตกต่างไปจากโลก นอกจากทำตัวให้แตกต่างไปจากโลกแล้ว ยังต้องทำตัวให้ชีวิตของพระเยซูเจ้าเด่นและกระจ่างแจ้งผ่านทางชีวิตของเรา
แทนที่เราจะทำตัวให้กลมกลืนกับโลก ตรงกันข้ามเราจะต้องทำตัวของเราให้กลมกลืนกับพระเยซูเจ้าเพื่อชีวิตของเราจะได้ฉายแสงชีวิตของพระเยซูเจ้า เพื่อให้โลกรู้จักพระเยซูเจ้าผ่านทางชีวิตของเรา
โลกต้องรู้จักเรา เพื่อโลกจะได้รู้จักพระเยซูเจ้า