ฟังพระจิตชีวิตเปลี่ยน
ทุกวันฉลองที่เกี่ยวข้องกับ “พระจิตเจ้า” ไม่ว่าจะเป็นวันนี้ วันสมโภชพระจิตเจ้า วันรับศีลกำลัง รวมทั้งวันอื่นๆที่มีพระจิตเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้อง เราก็ต่างพรรณนา พระคุณทั้ง 7 ประการ ของพระจิตเจ้า พยายามอธิบายในรายละเอียดถึงพระคุณเหล่านั้น หรือบ้างก็จะพูดถึงฤทธิ์อำนาจอื่นๆของพระจิตเจ้า เช่นการที่พระองค์ทรงบันดาลให้เกิดความเข้าใจในภาษา หรือ ยิ่งไปกว่านั้น อาการดิ้นพลาดๆ หรือล้มหงายผึ่งลงไปของคนที่ถูกแตะต้อง หรือ สัมผัสจากบุคคล ที่อวดอ้างว่า ตนมีพระจิตเจ้าประทับอยู่กับตน
อะไรคือผลงานแท้ๆของพระจิตเจ้า?
เราคงไม่ต้องไปหาคำตอบอะไรอื่นไกลจากที่ไหน นอกจากการมองชีวิตของพระเยซูเจ้า
ผลงานแท้ๆของพระจิตเจ้าปรากฏให้เห็นในชีวิตของพระเยซูเจ้า
ผลงานแท้ๆของพระจิตเจ้า คือ พระองค์ทรงเป็นผู้นำชีวิต
เราอย่าไปเสียเวลากับการพร่ำพรรณนาถึงพระคุณของพระจิตเจ้าทั้ง 7 ประการ
เราอย่าไปเสียเวลากับการจับจ้องดูอากัปกิริยาแปลกๆที่แสดงออกมาจากคนใดคนหนึ่ง และคิดว่านั้นคือผลงานของพระจิตเจ้า
พระจิตเจ้าทรงนำชีวิตของพระเยซูเจ้าและพระจิตเจ้าพระองค์เดียวกันก็จะทรงเป็นผู้นำชีวิตของเราแต่ละคน
พระจิตเจ้าทรงสร้างชีวิตของพระเยซูเจ้าให้เกิดขึ้นในพระครรภ์ของแม่พระ และจากนั้นพระองค์ก็ทรงนำชีวิตของพระเยซูเจ้า นับตั้งแต่วินาทีแรกที่พระองค์ทรงปฏิสนธิทรงนำชีวิตของพระเยซูเจ้าตั้งแต่พระองค์ยังเด็กไปจนถึงการเจริญวัยเป็นผู้ใหญ่ออกทำงานและที่สุดไปจนถึงวันที่พระองค์ทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน จากนั้นพระจิตก็ทรงนำพระเยซูเจ้าไปสู่การกลับคืนพระชนม์ชีพ ทั้งหมด คือ ผลงานของพระจิตเจ้า
การนำที่เด่นชัดสุดของพระจิตก็คือ
“เมื่อพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้างแล้วเสด็จขึ้นจากน้ำ ทันใดนั้นท้องฟ้าเปิดออก พระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระจิตของพระเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ดุจนกพิราบ” (มัทธิว 3:16)
พระจิตแสดงพระองค์ในรูปของนกพิราบ และทรงประทับเหนือพระเยซูเจ้าอันเป็นสัญลักษณ์ของการนำชีวิต และพระเยซูเจ้าก็ทรงเชื่อฟัง พระจิตเจ้าในการปฏิบัติงานของพระองค์ในทุกๆก้าวของชีวิต
พระคุณของพระจิตเจ้าทั้ง 7 ประการ นำชีวิตของพระเยซูเจ้าในเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ด้วยความเชื่อฟังที่พระเยซูเจ้าทรงมอบไว้แด่พระจิตเจ้าผู้ทรงนำชีวิตของพระองค์
ดังนั้นไม่ต้องไปพร่ำพรรณนาพระคุณทั้ง 7 ไม่ต้องไปวิงวอนขอพระคุณทั้ง 7 เพียงอย่างเดียวที่เราคริสตชนต้องทำคือ ฟังเสียงของพระจิตเจ้าและเชื่อฟังพระองค์
พระคุณทั้ง 7 ประการ ของพระจิตเจ้าจะทำงานในชีวิตของเรา ตามเวลาและสถานการณ์ต่างๆ ในความเชื่อฟังของเราต่อพระองค์ โดยที่เราไม่ต้องร้องขอพระจิตเจ้าจะทรงเป็นผู้กำหนดว่าเราควรจะได้รับการเจือจุนสนับสนุนด้วยพระคุณหรือพระพรประการใด
แต่ปัญหาก็คือ เราพร่ำวิงวอนขอพระคุณทั้ง 7 ประการแต่เรามักจะไม่ค่อย ฟังพระองค์และเชื่อในสิ่งที่พระองค์ทรงบอก
ให้เรารู้จักฟังเสียงของพระจิตเจ้าและเชื่อฟังในสิ่งพระองค์ทรงบอก จากนั้นพระจิตเจ้าจะทรงเริ่มทำงานในชีวิตของเรา และผลงานของพระจิตเจ้าก็ไม่ใช่ ดังที่เราพรรณนาไว้ตอนต้น แต่ผลงานของพระจิตเจ้าในการนำชีวิตของเราก็คือ การเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราจากภายใน ซึ่งจะมีผลปรากฏออกมาภายนอกคือ ชีวิตของเราจะค่อยเป็นเหมือนชีวิตของพระเยซูเจ้าขึ้นทุกๆวันตรงกับคำสวดที่ว่า
“โปรดประทานพระจิตของพระองค์และสรรพสิ่งจะอุบัติขึ้นมา แล้วพระองค์จะทรงเนรมิตแผ่นดินขึ้นใหม่”
แผ่นดินใหม่ก็คือ ชีวิตของเราแต่ละคน เมื่อชีวิตของเราเปลี่ยนไปเป็นชีวิตของพระเยซูเจ้าแล้ว เราแต่ละคนก็จะค่อยๆเปลี่ยนแผ่นดิน และสภาพแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ให้เป็นแผ่นดินและสภาพแวดล้อมใหม่