รูปแบบการทำงานของพระเยซูเจ้าและรูปแบบการทำงานของเรา
ทั้งหลายทั้งปวงที่ถูกบรรยายไว้ในบทอ่านที่ 1 ของหนังสือประกาศกเยเรมีย์ ในวันนี้คือ คำตำหนิ หรือ จะเรียกให้ตรงกว่านั้น คือ คำด่าของพระเจ้าต่อบรรดา กษัตริย์ พระสงฆ์ และประชาชนอิสราเอล
เยเรมีย์มีชีวิตอยู่ระหว่างปี 627 ถึง 586 กคศ. ช่วงเวลานั้นคือเป็นช่วงวิกฤตกาลของประเทศยูดาห์ เนื่องจากทั้งกษัตริย์ ทั้งพระสงฆ์และประชาชนหันไปสนใจกับวิถีทางการเมือง มากกว่าการให้ความสนใจในวิถีของพระเจ้า
ในช่วงเวลานั้นชาวอิสราเอลถูกเป็นเมืองขึ้นของชาวบาบีโลเนีย และเป็นเมืองขึ้นมาตั้งแต่ปี 605 ก่อนคริสตกาล พวกยิวต้องการเป็นอิสระโดยพยายามอาศัยอำนาจ และอิทธิพลของชาวอียิปต์เข้ามาช่วยปลดแอก
ประกาศกเยเรมีย์ต่อต้านแนวความคิดนี้ท่านกล่าวเตือนและตำหนิว่าการลุกขึ้นต่อต้านดังกล่าวจะไม่นำผลดีมาให้ แต่ตรงข้ามจะนำเหตุร้ายที่หนักกว่ามาให้ คือ นครยูดาห์จะถูกทำลาย และประเทศยูดาห์ทั้งประเทศจะเจอชะตากรรมที่หนักกว่าเดิม คือ จากการเป็นเมืองขึ้นกลายไปเป็นทาส และเหตุการณ์ก็เป็นจริงในปี 586 กคศ.
กษัตริย์และพระสงฆ์คือตัวการสำคัญที่ทำให้ประชาชนหันเหชีวิตของตนออกจากพระเจ้า และหันไปสนใจวิถีทางการเมือง มากกว่าวิถีของพระยาห์เวห์ แทนที่พวกเขาจะนำประชาชนให้ยึดมั่นในพระเจ้า แต่กลับนำประชาชนหันเหออกจากพระองค์ไปฝักใฝ่ในทางวิถีของโลก
พระเจ้าทรงเสียพระทัยและตัดสินใจส่งผู้นำคนใหม่ ดังปรากฏในท่อนที่ 2 ของบทอ่าน
องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “ดูซิ วันเวลาจะมาถึง เมื่อเราจะตั้งหน่อชอบธรรมให้แก่กษัตริย์ดาวิด เขาจะครองราชย์เป็นกษัตริย์และมีปรีชา เขาจะทำให้ความถูกต้องและความยุติธรรมเกิดขึ้นในแผ่นดิน ในรัชสมัยของพระองค์ยูดาห์จะรอดพ้น อิสราเอลจะดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย ทุกคนจะเรียกขานพระนามของพระองค์ว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นความชอบธรรมของเรา’”
คำทำนายนี้กล่าวถึงพระเยซูเจ้า และเราจะมาดูการทำงานของผู้นำคนใหม่นี้ว่าพระองค์ทำงานอย่างไร และการทำงานของพระองค์จะต้องเป็น Model หรือ รูปแบบของ ผู้นำ ในยุคปัจจุบันอย่างไร บังเอิญรูปแบบ และวิธีทำงานของพระเยซูเจ้าปรากฏอยู่ในพระวรสารประจำวันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม 2558 ซึ่งเป็นวันเสาร์ก่อนวันอาทิตย์ คือวันนี้นั่นเอง จึงขอนำพระววรสารทั้งบทของวันเสาร์มาลงให้เราอ่าน เพื่อจะดูวิธีทำงานของพระเยซูเจ้า
เวลานั้น ชาวฟาริสีจึงไปชุมนุมปรึกษากันว่าจะกำจัดพระองค์ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงทราบเรื่องนี้ จึงเสด็จไปจากที่นั่น ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้ ทั้งนี้เพื่อให้พระวาจาที่ตรัสทางประกาศกอิสยาห์เป็นความจริงว่า
“นี่คือผู้รับใช้ที่เราได้เลือกสรรไว้ นี่คือผู้ที่เรารัก ซึ่งเราโปรดปราน เราจะให้จิตของเราแก่เขา และเขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท และจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ซ้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่ จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ นานาชาติจะมีความหวังในนามของเขา”
รูปแบบการทำงานของพระเยซูเจ้า สรุปได้สั้นๆ คือ
1. พระองค์ทำงานภายใต้การนำของพระจิตเจ้า “เราจะให้จิตของเราแก่เขา” ดังนั้นที่ปรึกษาสำคัญของพระเยซูเจ้า คือ องค์พระจิตเจ้า
2. คนที่มีจิตของพระเจ้าอยู่กับตนจะทำงานแบบเงียบๆ
+ เขาจะไม่ทะเลาะวิวาท
+ เขาจะไม่ส่งเสียงเอ็ดอึง
+ จะไม่มีใครได้ยินเสียงของเขาตามลานสาธารณะ
+ แม้งานจะสำเร็จก็ไม่ต้องโฆษณา “ผู้คนจำนวนมากติดตามพระองค์ไป พระองค์ทรงรักษาทุกคนให้หายจากโรค แต่ทรงกำชับเขามิให้แพร่งพรายให้ผู้ใดรู้”
3. ทรงปฏิบัติต่อผู้ผิดพลาดหรือคนบาปอย่างนิ่มนวล “เขาจะไม่หักต้นอ้อที่ซ้ำแล้ว เขาจะไม่ดับไส้ตะเกียงที่ยังริบหรี่อยู่”
4. พระองค์ทรงมั่นคงในการทำให้ความดีเป็นความจริงขึ้นมา “เขาจะประกาศความยุติธรรมแก่นานาชาติ…..จนกว่าเขาจะทำให้ความยุติธรรมมีชัยชนะ”
คำถามคือ การทำงานของพระเยซูเจ้าแตกต่างจากการทำงานของพวกเราไหม?