“จงรักและแบ่งปัน…ที่ขาดที่เกิน ให้พระทำงานบ้างในชีวิตเรา”
เอลีชาสั่งว่า “จงนำไปให้ทุกคนกินเถิด” แต่ผู้รับใช้ของเขาแย้งว่า “ข้าพเจ้าจะนำอาหารแค่นี้ไปเลี้ยงคนหนึ่งร้อยคนได้อย่างไร” เอลีชาตอบว่า “จงแจกให้ทุกคนกินเถิด เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสดังนี้ ‘ท่านทั้งหลายจะได้กิน แล้วยังจะมีเหลืออีกง” ผู้รับใช้จึงจัดอาหารให้ทุกคนกินและยังมีเหลืออยู่อีกตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสไว้ (2 พกษ 4:42-44)
“มีหรือไม่มีหรือเกรงว่าแม้มีก็จะไม่พอ” …หลายครั้งเราพบในประสบการณ์ชีวิตตรงของเรา มีผู้ยากไร้มาอยู่ต่อหน้า แต่เรากลับทำตัววางเฉยด้วยเหตุผลหลากประการ บ้างก็เคยถูกหลอก บ้างไม่เห็นด้วยกับวิธีขอเช่นนี้ บ้างได้รับอิทธิพลแนะนำจากสื่อ บ้างก็พบเจอคนเดิมหน้าเดิมมาอ้างเหตุผลเดิมเพื่อขอ จึงเกิดคำถามในใจ “มีหรือเปล่า ให้ไปแล้วเราจะพอใช้ไหม ไม่ให้จะดีไหม?” ทั้งทีจริงเราก็พอจะมีแบ่งปันแต่เพื่อไม่ให้ใจรู้สึกแย่หรือถูกตำหนิ ในเวลาที่ปฏิเสธไม่ให้ความช่วยเหลือ
พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ ทอดพระเนตรเห็นประชาชนจำนวนมากที่มาเฝ้า จึงตรัสกับฟีลิปว่า “พวกเราจะซื้อขนมปังที่ไหนให้คนเหล่านี้กิน” พระองค์ตรัสดังนี้เพื่อทดลองใจเขา แต่พระองค์ทรงทราบแล้วว่าจะทรงทำประการใด (ยน 6:5-6)
“มีความเชื่อวางใจในพระเจ้าหรือไม่มี” …กลัวเหลือเกินหากวางใจฟังเสียงพระองค์ แล้วเราจะต้องออกแรงเดือดร้อนลำบาก… แน่นอนเวลาแบ่งของให้ใคร ของของเราที่มีอยู่ย่อมต้องถูกตัดแบ่งและลดน้อยลง จะยอมให้ความช่วยเหลือใครเราย่อมต้องเดือดร้อนในเรื่องหนัก ส่วนเรื่องเบาเราย่อมต้องออกแรงเป็นอย่างน้อย แต่สำหรับพระเยซูเจ้า…พระองค์เลิกคิดเลิกสนใจเหตุผลต่างๆ พระองค์รับรู้และยินดีที่จะรักที่จะยอมรับความเดือดร้อนและลำบากเพื่อมอบความรักเพราะพระองค์ทรงรัก เพียงเท่านี้ก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอ
“พี่น้อง ข้าพเจ้าผู้ถูกจองจำเพราะองค์พระผู้เป็นเจ้า วอนขอท่านทั้งหลายให้ดำเนินชีวิตสมกับการที่ท่านได้รับเรียก จงถ่อมตนอยู่เสมอ จงมีความอ่อนโยน พากเพียรอดทนต่อกันด้วยความรัก” (อฟ 4:1-2)
มีใจรักให้กัน ให้เราทำชีวิตของเราเช่นเดียวกับพระอาจารย์เจ้าของเรา สนใจเพียงหาหนทางที่จะรักที่จะช่วยเหลือแบ่งปัน ด้วยใจสุภาพด้วยความถ่อมตน สิ่งใดที่เคยกังวลหรือคิดว่าเกินกำลัง จงปล่อยวาง และวางชีวิตเราในพระหรรษทานของพระ ให้พระทำงานบ้างในชีวิตเรา.