พฤติกรรมมันฟ้อง
สัปดาห์นี้(สัปดาห์ที่ 34) ถือเป็นสัปดาห์สุดท้ายของวัฏจักรปีพิธีกรรมรอบที่ 2 หรือปี B
วัฏจักรปีพิธีกรรมประกอบด้วย 3 รอบ คือ ปีที่ 1 2 และ 3 หรือ A B และ C ปีพิธีกรรมรอบถัดไปจะเป็นรอบที่ 3 หรือ ปี C ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยเทศกาลเตรียมรับเสด็จในวันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2015 คือ ในวันอาทิตย์หน้าที่จะมาถึง
บทอ่านของสัปดาห์ที่ 33 และ 34 จะพูดถึงความหวังและความปรารถนาสูงสุดขององค์พระเป็นเจ้าคือ “พระองค์คือกษัตริย์(หรือจ้าว) แห่งสากลจักรวาล” หรือที่เราเรียกกันในปัจจุบันว่า “สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักวาล”
หลายวัดทั่วโลกที่มีการแห่พระรูปของพระเยซูเจ้า ก็จะจับพระรูปพระเยซูเจ้าโดยให้พระองค์แต่งกายแบบกษัตริย์ใส่เสื้อผ้า เสื้อคลุมพระองค์อย่างงดงาม นั่งบนบัลลังก์ มีคธา ซึ่งแสดงถึงพระราชอำนาจอยู่ในมือ นอกนั้นรูปปั้นพระเยซูยังสรวมมงกุฎทองคำฝังเพชรนิลจินดา อันประเมินค่าไม่ได้
นั่นคือแนวความคิดแบบมนุษย์ที่เราเอาไปยัดให้แก่องค์พระผู้เป็นเจ้า
แต่ขอให้เราฟังสิ่งที่พระเยซูเจ้าตอบแก่พวกมนุษย์ที่กำลังพิพากษาพระองค์ และกำลังจะฆ่าพระองค์ พระองค์ตอบแก่พวกเขาว่า “อาณาจักรของเรามิได้เป็นของโลกนี้…”
เป็นคำตอบของพระเยซูเจ้าที่ชัดมากๆ อาณาจักรของพระองค์มิได้เป็นของโลกนี้ รวมทั้งไม่ได้เป็นแบบแนวของทางโลกที่เน้น และยึดเกาะอยู่กับความยิ่งใหญ่อลังการแบบของโลก ดังนั้นอย่าได้เอาอะไรๆแบบของโลกมายัดให้แก่พระองค์ เพราะนั่นจะเป็นการหมิ่นประมาทพระองค์ไปโดยปริยาย
พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์แต่ไม่ได้เป็นกษัตริย์แบบของโลก
พระเยซูเจ้ายังให้คำตอบสุดท้าย ตอนท้ายของพระวรสารนี้ ซึ่งเราจะต้องนำไปคิดพิจารณาวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งพระองค์บอกว่า “…เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
พระเยซูเจ้าได้มอบความจริงไว้ให้เป็นมรดกตกทอดให้แก่พวกเรา และให้แก่โลก มรดกที่พระองค์มอบไว้ก็คือ มรดกแห่งพระวาจา หรือ คำสอนที่พระองค์มอบไว้ให้เรา ซึ่งอยากจะขอยกมาเตือนสติพวกเรา ซึ่งได้แก่ตัวผู้เขียนบทสนทนาบทนี้ รวมทั้งพี่น้องที่อ่านบทสนทนาบทนี้ด้วย ความจริงที่เรามักจะลืม หรือไม่ก็แกล้งลืมหรือไม่ก็ไม่ใส่ใจที่จะฟังและปฏิบัติ ความจริงข้อนั้นเป็นข้อสำคัญก็คือ
“ผู้มีใจยากจน ย่อมเป็นสุข เพราะอาณาจักรสวรรค์เป็นของเขา” (มัทธิว 5:3)
ความจริงข้อนี้ ถูกลืม ถูกแกล้งลืม และถูกไม่สนใจ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นความยิ่งใหญ่อลังการจึงยังคงปรากฏให้เห็นในพระศาสนจักร มันยังคงเป็นปรากฎการณ์ที่มันฟ้องตัวของมันเอง ให้เราได้เห็นได้สัมผัสว่าผู้มีความเชื่อในพระเยซูเจ้านั้นเป็นอย่างไร
พระเยซูเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล หมายถึง คำสอนของพระองค์ต้องครองใจ ให้เราฟังและยึดปฏิบัติให้เห็นเป็นพฤติกรรมภายนอก ดังนั้น “…ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา” ก็แปลว่า ใครที่อยู่ข้างเดียวกับพระเยซูเจ้า ก็จะทำตาม หรือ พยายามทำตามที่พระเยซูเจ้าสอน
ขอลงท้ายด้วยคำเทศน์เตือนของพระสันตะปาปาฟรังซิส ในมิสซาเช้าของพระองค์ ในวันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พระองค์เตือนมิให้พระศาสนจักร ผูกติดหรือเป็นทาสของเงินและอำนาจ และท้ายของบทเทศน์ก็ทรงเตือนพวกเราดังนี้
“ความหนักแน่นของพระเยซูดูได้จากพระวาจาของพระองค์ นี่คือการพูดด้วยความรักพระเยซูไม่มีที่ว่างให้กับจิตตารมณ์ทางโลก พระเยซูไม่มีที่ว่างให้กับการคดโกง นี่คือความท้าทายสำหรับเราแต่ละคน นี่คือการดิ้นรนที่พระศาสนจักรต้องเจอทุกวัน ดังนั้นพวกเราต้องใส่ใจกับพระวาจาของพระเยซู พวกเราต้องอย่าแสวงหาความสุขสบายจากเจ้านายทางโลก พระเยซูบอกเราไม่ใช่เหรอว่า พวกเราไม่สามารถรับใช้เจ้านายสองคนไปพร้อมกัน
ขอให้เราทุกคนสวดขอพระเจ้า โปรดอย่าให้เราตกเป็นเหยื่อของจิตตารมณ์ทางโลก เพราะถ้าเราตกเป็นเหยื่อของจิตตารมณ์ทางโลกแล้ว เราจะถูกครอบงำด้วยเงินและอำนาจนั่นเอง”