สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 31 พฤษภาคม 2015
“กินของขม ชมของเก่า เล่าความหลัง” ท่านเคยได้ยินคำกล่าวนี้มาแล้วแน่ๆ ยิ่งผู้อาวุโสทั้งหลายคงไม่พลาด เพราะเขาต้องการจะหมายถึง “คนแก่” ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นคำไม่สุภาพ ต้องใช้ผู้สูงอายุ ผู้อาวุโส หรือผู้สูงวัยจะดีกว่า ยิ่งถ้าไปใช้คำนี้แก่สุภาพสตรีด้วยแล้วยิ่งเสี่ยงต่อการถูก “ค้อน” เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งความจริงแล้วล้วนแล้วแต่เป็นความจริงของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขอ “ตีแตก” สำนวนข้างบนสักหน่อยแล้วกัน
“กินของขม” น่าจะมีความหมายว่า เวลาอายุมากขึ้น สุขภาพร่างกายก็จะเริ่มถึงเวลาล่วงโรยเป็นธรรมดา… “ของขม” ณ ที่นี้จึงหมายถึง หยูกยา ทั้งหลายที่ต้องระดมกันเข้ามาช่วยบำรุง ช่วยบรรเทา อาการของโรคภัยต่างๆ และยาในสมัยโบราณเขาใช้ยาสมุนไพร ไม่มียาเม็ด ยาฉีด หรือแคปซูล หรือ ยาปรุงรส เหมือนสมัยนี้ เรียกว่านำมาต้ม กลั่นเอาน้ำต้มนั้นมาดื่มกันเลย รสชาติเลยขมอย่าบอกใคร ถึงตรงนี้เลยทำให้คิดถึงอีกคำหนึ่งที่บอกว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นยา” ซึ่งน่าจะยืนยันสิ่งที่กล่าวได้เป็นอย่างดี
“ชมของเก่า” นี้ก็เป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งของ ผู้อาวุโสทั้งหลาย มักจะมีสิ่งของที่ตนชอบและเก็บสะลมไว้เป็นเวลานานปี บางทีได้รับสืบทอดมาเป็นร้อยๆ ปีก็มี จึงหวงแหน ชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เช่น อาจจะเป็นถ้วยโถโอชามสังคโลก หรือ เหรียญรุ่นเก่า หรืออุปกรณ์เครื่องใช้บางอย่าง ว่างๆ ก็นำออกมาชื่นชม นำมาอวดให้เพื่อนฝูงดู มีบางท่านรักษาจนเกิดปัญหาทะเลาะกันกับคู่ชีวิตคนใกล้ตัว แบบฟ้าถล่มดินทลาย โกรธกันไปนาน ของรักสูญหายหรือถูกทำลายๆ ไป
“เล่าความหลัง” เรื่องนี้พบกันอยู่เสมอๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องดูอื่นไกล อากงอาม้า ปู่ยา ตายาย ที่อยู่ด้วย จะพบว่าท่านเหล่านี้จะภาคภูมิใจมาก ถ้าได้พูดได้เล่าเรื่องราวในอดีต และสามารถเล่าได้ไม่สิ้นสุด และถ้าลูกหลานคนได้ซักถามให้ความสนใจก็จะได้รับการโปรดปรานเป็นพิเศษ และสิ่งที่ท่านเหล่านั้น เล่าให้ฟัง ก็จะเป็นเรื่องเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก มีลูกหลานบางคนฉลาดยอมอดทนรับฟัง ทำท่าน่าสนใจ… และสุดท้ายอยากได้อะไรขอท่าน ส่วนใหญ่แล้วจะสำเร็จเสมอ เรียกว่ามีนัยยะแอบแฝง หวังประโยชน์… ความจริงก็มิได้อยากฟังแต่ประการใด อย่างนี้เรียกว่า “ซึ่งกันและกัน” หรือที่ภาษาฝรั่งเขาเรียกว่า “WIN WIN” ก็ได้ คือ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลายก็ได้ความสุขความภูมิใจ ลูกหลานก็ได้สิ่งที่ต้องการ
ที่นำเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟัง ก็เพราะเราทุกคนไม่สามารถที่จะหลีกหรือหลบมันไปได้ เวลานี้เราอาจจะเป็นผู้สูงอายุ เราก็คงจะมีสภาพดังเกล่าวอยู่บ้างไม่มากก็น้อย หรือเราเป็นลูกเป็นหลาน อายุยังไม่อาวุโส ก็คงจะมีประสบการณ์กันบ้าง และที่สำคัญในวันหนึ่งข้างหน้า เราก็จะกลายเป็นผู้อาวุโสด้วยตัวของเราเอง
การที่จะต้องอยู่ร่วมกันของ “คนต่างวัย” คือ ผู้สูงอาวุโส ปู่ยา ตายาย และลูกๆ หลาน ย่อมมีอยู่ด้วยกัน แทบทุกครอบครัว จึงมีความสำคัญมากที่จะต้องมีความ “เข้าใจ” และ “ยอมรับ” ในความเป็นจริง จึงต้องเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น… สวัสดีครับ