สวัสดีครับ

          วันที่1 พฤศจิกายนของทุกๆปีเป็นวันสมโภชนักบุญทั้งหลายและตามปกติแล้วในประเทศไทยของเราถ้าหากวันที่1 ไม่ตรงกับวันอาทิตย์เขาก็จะเลื่อนไปทำการฉลองในวันอาทิตย์ถัดไปเพราะเหตุผลทางด้านอภิบาลคืออำนวยความสะดวกให้บรรดาคริสตชนได้ร่วมกันเฉลิมฉลองอย่างพร้อมเพรียงกันสำหรับในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์พอดีจึงไม่ต้องเลื่อนวันถือเป็นการฉลองตรงวัน

          ตามธรรมเนียมแล้วพระศาสนจักรถือว่าเดือนพฤศจิกายนเป็นเดือนที่รณรงค์ให้เราคิดถึงบรรดาผู้ล่วงลับหรือวิญญาณในไฟชำระโดยเริ่มต้นวันที่1 ของเดือนด้วยการร่วมเฉลิมฉลองร่วมยินดีกับผู้ล่วงลับที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้าแล้วอันหมายถึงบรรดานักบุญทั้งหลาย(ทุกองค์) ในสวรรค์นั่นเอง

          ต่อจากนั้นวันที่2 พฤศจิกายนจึงทำพิธีระลึกถึงบรรดาผู้ล่วงลับไปแล้วที่ที่ยังต้องใช้โทษบาปอยู่หรือที่เราเรียกว่า“วิญญาณในไฟชำระ”นั่นเองด้วยเหตุนี้เราจึงพบว่าหลายๆวัดทำพิธี“เสกสุสาน”ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วยเพราะต้องการที่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับบรรดาญาติพี่น้องปู่ย่าตายายบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ

          มีคำถามประสาชาวบ้านหลายคำถามเช่นรู้อย่างไรว่าผู้ล่วงลับคนไหนไปสวรรค์แล้วคือเป็นนักบุญและใครที่ยังต้องใช้โทษบาปอยู่ในไฟชำระและใครที่หมดสิทธิ์ไปสวรรค์แล้วแม้แต่ไฟชำระก็ไม่ต้องอยู่คือพูดง่ายๆว่า“ตกนรก”ไปแล้ว

          คำตอบที่จะให้ฟันธงลงไปเลยก็เห็นจะพอพูดได้นิดหน่อยคือในส่วนของบุคคลที่ล่วงลับไปและพระศาสนจักรประกาศรับรองให้เป็นบุญราศีหรือเป็นนักบุญแล้วนอกนั้นก็ไม่สามารถจะยืนยันกันได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดเป็นเรื่องระหว่างผู้นั้นกับพระเป็นเจ้าเราที่เป็นมนุษย์ไม่สามารถไปตัดสินใครได้

          มีคำถามอีกว่าถ้าอย่างนั้นบุญกุศลที่เราอุทิศให้กับผู้ล่วงลับคนใดคนหนึ่งและปรากฏว่าบุคคลนั้นเขาเป็นนักบุญอยู่ในสวรรค์ไปแล้วบุญกุศลนั้นไม่เสียเปล่าหรือคำตอบคือบุญกุศลที่เราทำนั้นไม่เสียเปล่าอย่างแน่นอนเพราะจะมีผลต่อส่วนร่วมด้วยคือบุญกุศลดังกล่าวจะเป็นคุณประโยชน์กับบรรดาวิญญาณอื่นๆที่อยู่ในไฟชำระได้ด้วยเพราะการไถ่กู้ขององค์พระเยซูคริสตเจ้านั้นมีผลสำหรับทุกคนด้วยถ้าจะพูดเปรียบเทียบก็คือบุญกุศลเหล่านั้นจะถูกนำเก็บไว้ในท้องพระคลังหลวงเพื่อประโยชน์สำหรับส่วนรวมนั่นเอง…สวัสดีครับ.