“ฟัง ฟังกัน และฟังเสียงพระ”
“ลูกเอ๋ย ไม่ว่าท่านจะทำสิ่งใด จงทำด้วยความถ่อมตนเถิด”(บสร 3:17)
“เกลือ กับ ไม้จิ้มฟัน” ระหว่างขี่มอเตอร์ไซค์ตระเว้นซื้อของรอบกรุง ในสวนซุ้มเกมกิจกรรมเยาวชน โอกาสวันพระคริสตสมภพ ท่องไว้ในใจว่าเหลืออีกสองอย่างสุดท้ายที่กำลังช่วยซื้อของ และกำลังมองหา แล้วจะได้หยุดพัก
“เกลือ กับ ไม้จิ้มฟัน” ดูไม่ได้มีอะไรสำคัญ แต่มันเป็นสัญลักษณ์ ถึงความอดทน ความมีใจรักที่มอบให้กับคนที่เรารัก ไม่ต้องมีการตอบแทน เพื่อช่วยแบ่งเบากันและกัน… “ลูกเอ๋ย…จงทำด้วยความถ่อมตนเถิด”
จงเห็นใจกัน จงมีความใจดี ความถ่อมตน ความอ่อนโยนและความพากเพียรอดทนเป็นเสมือนเครื่องประดับตน จงผ่อนหนักผ่อนเบากัน หากมีเรื่องผิดใจก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยอย่างนั้นเถิด แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก ซึ่งรวมเราไว้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์ (คส 3:12-14)
“จงเห็นใจกัน…แต่เหนือสิ่งใดจงมีความรัก” ทุกครั้งที่เรามองดูความต้องการของเพื่อนหรือคนในครอบครัว เรากำลังฟังเสียงเรียกของอีกฝ่าย เมื่อฟังก็เห็นและเข้าใจ ก้าวต่อไปให้ยื่นมือยื่นใจมอบความรักส่งถึงกัน
“พ่อแม่ไม่รู้หรือว่า ลูกต้องอยู่ในบ้านของพระบิดาของลูก” โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์ไม่เข้าใจที่พระองค์ตรัส…..พระมารดาทรงเก็บเรื่องทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในพระทัย(เทียบ ลก 2:49-51)
ชีวิตนี้คงมั่ว ความรักที่มีต่อกันมีแต่จะสร้างความวุ่นวายและทำลายกัน หากเราเริ่มต้นทุกกิจการทุกความรักเพียงฟังเสียงใจมนุษย์ที่สับสนไม่มั่นคงและเห็นแก่ตน
ชีวิตคริสตชนเรามั่นคง ชัดเจน มีสันติสุข ความรักในครอบครัวคริสตชนเราเข้มแข็งมั่นคง ชัดเจน และมีสันติสุข ก็ด้วยเรามองโลกวางชีวิตเราครอบครัวคริสตชนเราไว้ที่จุดเริ่มต้น ฟังเสียงพระ ฟังพระวาจา ภาวนาทบทวนพระวาจาในใจเรา ให้เสียของพระเป็นอันดับแรกในชีวิต… คงไม่สายจะบอกกันด้วยรักว่า สุขสันต์ในโอกาสวันพระคริสตสมภพครับ.