สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง อาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2559
หนึ่งสัปดาห์ก่อนคริสต์มาสที่ผ่านมาคือประมาณวันที่15-21 ธันวาคม2015 ลมหนาวระลอกแรกพัดมาถึงกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรทำให้ทุกคนหวังอย่างลึกๆว่าคริสต์มาสปีนี้อากาศคงจะเย็นชุ่มฉ่ำชื่นใจเสริมส่งให้บรรยากาศคืนวันคริสต์มาสเป็นที่ประทับใจของทุกๆคน
แต่แล้วอุณหภูมิก็เริ่มสูงขึ้น… ถึงวันคริสต์มาสคืนวันที่24 ธันวาคมอากาศไม่ได้เย็นชุ่มฉ่ำดังหวังแต่ก็ยังดีที่ไม่ร้อนอบอ้าวเหมือนบางปีที่ผ่านมา…ในอดีตที่ผ่านมามีอยู่บางปีอากาศแปรปรวนจำได้ว่ามีอยู่คราวหนึ่งเขาจัดงานคริสต์มาสหน้าวัดจัดเวทีมีการแสดงการละเล่นสนุกสนานมีนักร้องประสานเสียงขึ้นเวทีร้องเพลงคริสต์มาสกันอย่างไพเราะ… พอถึงเพลงที่ร้องว่า“…เหมันต์คืนนั้นพระทรงบังเกิด…” ฝนก็โปรยปรายลงมาอย่างหนักพอสมควรทำเอาบรรดานักร้องวงแตกไปเลย… พิธีกรไหวพริบดีบอกว่าวันนี้พระกุมารเสด็จลงมานำความชุ่มฉ่ำมายังโลกนับเป็นพระพรพิเศษจริงๆเรียกว่าทำวิกฤตให้เป็นโอกาส… แต่ฝนก็ตกไม่หนักมากนักสักครู่ก็หยุดกิจกรรมต่างๆดำเนินต่อไปได้และในเวลาเดียวกันอากาศก็คลายความอบอ้าวลงไปด้วย..
จากวันนั้นก็เลยทำให้คิดว่าวันคริสต์มาสเขาเฉลิมฉลองกันทั่วโลกตรงกันคือวันที่25 ธันวาคมและความจริงฤดูต่างๆของปีมันก็ไม่เหมือนกันทวีปนี้อาจจะหนาวทวีปนั้นอาจจะร้อนหรือฝนก็เป็นได้แต่ก็เห็นทุกประเทศทุกทวีปจะตกแต่งบรรยากาศวันคริสต์มาสเป็นลักษณะของฤดูหนาวทั้งสิ้น… แน่นอนคงจะนำมาจากเรื่องราวในพระคัมภีร์นั่นเองซึ่งขณะนั้นเมื่อกว่าสองพันปีที่พระเยซูเจ้าทรงบังเกิดประเทศอิสราแอลเมืองเบธเลแฮมอยู่ในฤดูหนาวพอดีจึงถือเป็นประเพณีเป็นเรื่องราวที่ปฏิบัติกันต่อๆมาจึงเห็นรูปถ้ำพระกุมารหลายแห่งมีหิมะ(ปลอม) ประดับอยู่ด้วยเสมอแม้ในเมืองนั้นประเทศนั้นจะเป็นหน้าร้อนก็ตาม
สำหรับอาสนวิหารอัสสัมชัญและอีกหลายวัดในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯยังมีความหนาวเย็นอยู่ด้วยเพราะมีแอร์คอนดิชั่นช่วยให้มีบรรยากาศขึ้นมานิดหนึ่ง… อย่างไรก็ตามแก่นแท้ของการฉลองคริสต์มาสนั้นคงมิใช่อยู่ที่อากาศร้อนอากาศเย็นหรือฝนตกหากแต่อยู่ที่“ใจ” ของเราทุกคนต่างหากที่สำคัญ
คริสต์มาสเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขสาเหตุแห่งความสุขที่แท้จริงคือความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมอบให้มนุษย์โดยการเสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากความผิดบาปต่างๆและทรงประทานความรักนั้นแก่มนุษย์เพื่อมนุษย์จะนำความรักดังกล่าวไปยังผู้อื่นต่อไป… คริสต์มาสจึงเป็นเวลาแห่งการ“ให้” เราจึงเห็นการให้ของขวัญให้คำอวยพรแก่กันและกันส่วนมากจะพ่วงปีใหม่เข้าไปด้วยจึงมีคำคุ้นหูว่า“Merry Christmas and Happy New Year”
สุดท้ายถ้าจะบอกว่าให้อะไรแล้วทำให้มีความสุขมากที่สุดก็ต้องบอกว่า“ให้อภัย”เพราะจะมีความสุขอย่างเต็มเปี่ยมทั้งผู้ให้และผู้รับที่สำคัญหาซื้อไม่ได้ที่ห้างไหนๆด้วยต้องสร้างขึ้นเองด้วยตนเองจริงๆ…สวัสดีครับ.