ถ้ายังเป็นทาสก็ไม่มีความเมตตา
“สายพระเนตรที่เปี่ยมด้วยความรักของพระองค์ ช่วยให้ศักเคียส และมัทธิวพ้นจาการเป็นทาสของทรัพย์สินเงินทอง ช่วยให้หญิงที่ผิดประเวณี และมารีย์ ชาวมักดาลา ได้เป็นอิสระจากการแสวงหาความสุขจากสิ่งสร้างเท่านั้น….”
นี่เป็นส่วนหนึ่งจากบทภาวนา “ปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม” ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส
อะไรอยู่ในใจของสมเด็จพระสันตะปาปา ที่แสดงออกมาทางบทภาวนาดังกล่าว?
ปีแห่งเมตตาธรรมเป็นปีที่เราจะได้รับพระเมตตาจากพระเป็นเจ้า และในเวลาเดียวกันก็เป็นปีที่เราจะต้องแสดงความเมตตาต่อบุคคลทุกคน แต่ความเมตตาจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบุคคลผู้นั้นจะต้องเป็นอิสระหลุดพ้นจาการเป็นทาส ของหลายๆสิ่งที่เกาะกุมหัวใจของเราไว้และตราบใดที่เรายังไม่สามารถหลุดพ้นจากการเป็นทาสและชีวิตของเรายังไม่เป็นอิสระเมตตาธรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้
ในพระวรสารวันนี้ ปีศาจผจญพระเยซูเจ้าใน 3 เรื่อง สำคัญๆคือ
1. การหาความสุขทางวัตถุ “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้าจงสั่งก้อนหินนี้ให้กลายเป็นขนมปัง”
2. การแสวงหาอำนาจ “ข้าพเจ้าจะให้อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน”
3. การแสวงหาความนิยมชมชอบและชื่อเสียง “จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด….พระเจ้าจะให้ทูตสวรรค์คอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน”
นี่คือ 3 สิ่งที่มนุษย์อยากได้ และแสวงหา แต่พระเยซูเจ้าปฏิเสธทุกอย่าง
พระเยซูไม่ยอมปล่อยตัวของพระองค์ให้เป็นทาสของวัตถุนิยม อำนาจนิยม และชื่อเสียงนิยม
พระเยซูเจ้าทรงทำใจและชีวิตของพระองค์ให้ว่างเปล่าจากทั้ง 3 สิ่งนี้
ดังนั้นพระองค์สามารถเป็นองค์พยานแห่งความรักความเมตตาของพระบิดาได้อย่าง 100%
คำขึ้นต้นของบทภาวนา “ข้าแต่พระเยซูคริสตเจ้า พระองค์ทรงสอนข้าพเจ้าทั้งหลายให้มีใจเมตตากรุณาเหมือนพระบิดาในสวรรค์”
ความเมตตากรุณาของพระบิดาในสวรรค์แสดงออกด้วยการกระทำของพระบิดาเอง “…..พระองค์มิได้ทรงหวงแหนพระบุตรของพระองค์ แต่ทรงมอบพระบุตรเพื่อเราทุกคน…..” (โรม 8:31-32)
จิตใจของพระบิดาเป็นอิสระ ดังนั้นพระองค์ทรงให้แม้กระทั่งพระบุตรที่พระองค์ทรงรัก
ดังนั้นให้เราสวด “บทภาวนาปีศักดิ์สิทธิ์ฯ” นี้อย่างเลื่อมใสศรัทธา และมุ่งมั่นเพื่อวิงวอนขอพระเป็นเจ้าอย่างร้อนรน ให้เราแต่ละคนจะได้หลุดพ้นจาการเป็นทาสของสรรพสิ่งทั้งหลายในโลก เพื่อเราจะได้มีเมตตาเช่นเดียวกับพระบิดา และพระบุตรของพระองค์ และเมตตาธรรมที่เราแสดงออกจะได้ไม่เป็นเมตตาธรรมที่จอมปลอม