สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 22 พฤษภาคม 2016
วันนี้พระศาสนจักรกำหนดให้เป็นวันอาทิตย์“สมโภชพระตรีเอกภาพ”เชิญชวนเราให้ระลึกถึงข้อความเชื่อของเราต่อพระเทวภาพ(ความเป็นพระเจ้า) ของพระเป็นเจ้า
จากคำสอนที่เราได้เคยร่ำเรียนมาเราทราบว่าพระเป็นเจ้าทรงเป็นพระเป็นเจ้าสูงสุดเป็นพระเป็นเจ้าพระองค์เดียวหากแต่ในพระเป็นเจ้าองค์เดียวนี้ทรงมี3 พระบุคคลคือพระบิดาพระบุตรและพระจิตเราจึงใช้คำที่มีความหมายถึงพระองค์ว่า“พระตรีเอกภาพ”หรือถ้าจะแปลตามตัวอักษรแบบง่ายๆก็คือสามเป็นหนึ่ง
เราไม่สามารถที่จะอธิบายข้อความเชื่อนี้ได้อย่างชัดเจนเพราะเกินกว่าสติปัญญาของเรามนุษย์จะเข้าใจได้(เหตุนี้จึงเป็นข้อความเชื่อ) อย่างไรก็ดีมีคำอธิบายเปรียบเทียบตามความคิดของมนุษย์เป็นเรื่องของเหตุผลที่พอจะทำให้เข้าใจมากขึ้นกล่าวคือเขาบอกว่าถ้าจะเปรียบเทียบพระตรีเอกภาพกับรูปสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปหนึ่งจะพบว่าสามเหลี่ยมรูปนี้มีด้านเท่ากันทั้ง3 ด้านแต่ละด้านจะเชื่อมต่อกันไม่สามารถแยกจากกันได้เพราะถ้าแยกกันหรือขาดด้านใดด้านหนึ่งไปก็จะไม่ใช่รูปสามเหลี่ยมอีกต่อไปและทั้ง3 ด้านของสามเหลี่ยมด้านเท่ารูปนี้จะมีความยาวเท่ากันทุกด้านสำคัญเท่ากันในฐานะเป็นส่วนประกอบของสามเหลี่ยมรูปนี้ไม่มีด้านใดมาก่อนมาหลัง
พระตรีเอกภาพพระเจ้าของเราก็เช่นกันพระบิดาพระบุตรและพระจิตทรงเป็นพระเป็นเจ้าเท่าเสมอกันไม่มีใครเกิดก่อนเกิดหลังไม่มีใครสร้างพระองค์ทรงเป็นอยู่ด้วยพระองค์เองตั้งแต่นิรันดร(ไม่มีกาลเวลา)
จากความเชื่อนี้เองทำให้เราพอที่จะอธิบายได้ว่าเรากล่าวถึงพระเป็นเจ้าว่า“พระบิดา” นั้นเราหมายถึงการที่พระเป็นเจ้าทรงเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งเป็นผู้ให้กำเนิดเมื่อเรากล่าวถึง“พระบุตร” เราคิดถึงพระเป็นเจ้าผู้ทรงเสด็จลงมารับสภาพมนุษย์มาทรงบังเกิดในโลกจึงเป็นบุตรและที่สุดเรากล่าวถึงพระจิตพระบุคคลที่3 เราจึงหมายถึงพระเป็นเจ้าผู้ทรงอยู่กับมนุษย์ในโลกนี้ในลักษณะของจิตที่ช่วยเหลือคุ้มครองประทานพระพรที่จำเป็นให้กับมนุษย์ในการดำเนินชีวิตอย่างดีในโลกนี้
สิ่งที่ตามมาเมื่อเชื่อว่าพระทรงเป็นหนึ่งเดียวกันแยกกันมิได้เราจึงเข้าใจได้ทันทีว่าเมื่อพระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่งนั้นพระบุตรและพระจิตก็ทรงประทับอยู่ด้วยเมื่อพระบุตรเสด็จลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในโลกพระบิดาและพระจิตก็ทรงประทับอยู่เป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตรและเมื่อพระจิตทรงประทับในโลกเพื่อดูแลช่วยเหลือให้มนุษย์ดำเนินชีวิตในโลกอย่างดีพระบิดาและพระบุตรก็ทรงประทับอยู่ด้วยเช่นกัน
ถ้าจะบอกว่าวันนี้เราสมโภชองค์พระเป็นเจ้าโดยให้ความสำคัญของความรักและพระเมตตาของพระองค์ทรงมีต่อมนุษย์ในเรื่องที่ทรงกระทำต่อมนุษย์เป็นสำคัญก็น่าจะไม่ผิดและถ้าเราจะรำพึงให้ครบถ้วนถึงกระบวนการไถ่กู้ของพระเป็นเจ้าเราก็จะพบว่าพระองค์ทรงมีพระเมตตาและความรักต่อมนุษย์จริงในทุกขั้นตอนของชีวิตเลยทีเดียว…. สวัสดีครับ.