สมโภชพระตรีเอกภาพ
ข้อคิด…สิ่งแรกที่บิดามารดาสอนเราเกี่ยวกับศาสนาคงจะเป็นการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขน และสิ่งสุดท้ายที่พระสงฆ์ทำที่หลุมฝังศพของเรา ก็คือการทำเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนเหนือร่างที่ไม่ไหวติงของเรา เพราะชีวิตคริสตชนของเราถูกตราไว้ “ในพระนามของพระบิดา และพระบุตร และพระจิต”…และบทภาวนาของพระศาสนจักรโดยทั่วๆ ไปจะกล่าวถึงพระบิดา (ในฐานะผู้ทรงให้กำเนิดทุกชีวิตที่กล่าวอยู่ในเรื่องของการสร้างโลก) และการส่งพระบุตรของพระองค์หรือพระวจนาตถ์ (ให้มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ถูกทรมาน ถูกตรึงที่ไม้กางเขน กลับขึ้นพระชนมชีพและเสด็จสู่สวรรค์ เพื่อช่วยเราให้รอดพ้น) และการส่งพระจิตเจ้า (เพื่อการเกิดใหม่ของเราคริสตชนจากน้ำและพระจิต)
การเผยแสดงของพระเจ้าว่าทรงเป็นพระบิดา และพระบุตร และพระจิตนั้น ก่อนอื่นหมด บอกเราถึงสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นสำหรับเรา แต่ในเรื่องที่เกี่ยวกับเอกภาพอันล้ำลึกของพระบิดา และพระบุตร และพระจิตนั้น เราคงไม่สามารถพูดได้อย่างมั่นใจด้วยภาษาของมนุษย์ซึ่งไม่สามารถบรรยายธรรมล้ำลึกอันสุดพรรณนาของพระเจ้าได้…มนุษย์ต้องการรู้จักพระเจ้าอย่างลึกซึ้งและอย่างละเอียด แต่เรามนุษย์ต้องตระหนักว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่าการรู้เกี่ยวกับพระเจ้า คือการรู้จักพระองค์แบบที่คนรักรู้จักกันและกัน
การรู้จักพระเจ้าในรูปแบบของสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นระหว่างบุคคลกับบุคคลที่ไม่อาจจะบรรยายได้ในภาษามนุษย์ จะทำให้เรามนุษย์เต็มอิ่ม เพราะ“พระเจ้าทรงพระปรีชาและทรงรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด คำตัดสินของพระองค์สุดที่จะหยั่งรู้ได้ และมรรคาของพระองค์สุดที่จะเข้าใจได้” (รม 11:33)
พระตรีเอกภาพซึ่งเป็นที่รู้จักในองค์พระบิดา และพระบุตร และพระจิต ทรงเป็นองค์ศักดิ์สิทธิ์ครบครัน ปราศจากการเจือปนจากสิ่งภายนอก ทั้งไม่ถูกจำกัดอยู่ในพระผู้สร้างและสิ่งสร้าง หากแต่ประกอบด้วยอานุภาพสมบูรณ์ ที่จะสร้างสรรค์และใช้พลัง พระธรรมชาติของพระองค์ ก็มั่นคงอยู่ได้เอง ไม่แบ่งแยก เพราะรวมเป็นหนึ่งในสามพระบุคคล เหตุว่าพระบิดาทรงสร้างสรรค์ทุกสิ่งโดยทางพระวจนาตถ์ในพระจิตเจ้า ความเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพศักดิ์สิทธิ์ จึงคงอยู่ด้วยประการฉะนี้…ดังนั้นพระศาสนจักรจึงประกาศพระเจ้าหนึ่งเดียวผู้ทรงเป็นอยู่ “เหนือสรรพสิ่ง” หมายความถึงทางพระวจนาตถ์และที่สุด “ในทุกสิ่ง” คือในองค์พระจิตเจ้า
เมื่อนักบุญเปาโลเขียนจดหมายถึงชาวโครินธ์ ท่านบรรยายถึงพระเจ้าหนึ่งเดียว คือพระบิดาผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาของสรรพสิ่ง เมื่อท่านกล่าวว่า “พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน” (1คร 12: 4-6)
พระคุณซึ่งพระจิตเจ้าทรงแจกจ่ายให้แต่ละคน ก็เป็นของประทานของพระบิดาผ่านทางพระบุตร องค์พระวจนาตถ์ เหตุว่าทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดา ก็เป็นของพระบุตรด้วย เป็นอันว่าทุกสิ่งที่พระบุตรประทานให้ในพระจิต จึงเป็นของประทานจากพระบิดา ในทำนองเดียวกัน เมื่อพระจิตเจ้าประทับอยู่ในเรา พระวจนาตถ์และพระบิดาก็ประทับกับเราด้วย และนี่เป็นความหมายของข้อความต่อไปนี้ว่า “เรา (หมายถึงพระบิดา และพระบุตร) จะมาหาเขาและจะพำนักอยู่ในเขา”
ในจดหมายถึงชาวโครินธ์ฉบับที่สอง นักบุญเปาโลได้กล่าวเช่นเดียวกันว่า “ขอให้พระหรรษทานของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้า และขอพระเจ้าและความสนิทสัมพันธ์ของพระจิตเจ้า สถิตอยู่กับทุกท่านเทอญ” (2คร 13:13)…นักบุญอาทานาสบอกเราว่าพระหรรษทานและพระคุณซึ่งพระตรีเอกภาพประทานให้นั้น ประทานให้โดยพระบิดา ทางพระบุตรและในพระจิต และผลที่ตามมาจากพระคุณนี้ ก็มาจากพระจิตเจ้า เพราะถ้าเราได้รับพระจิตแล้ว เราก็มีความรักของพระบิดา และพระหรรษทานของพระบุตร และความสนิทสัมพันธ์กับพระจิต
ให้เราพร้อมใจกันภาวนาต่อพระตรีเอกภาพว่า…ขอโปรดให้ข้าพเจ้าทั้งหลายประกาศยืนยันความเชื่อแท้จริง และขอยอมรับรู้พระเกียรติมงคลแห่งพระตรีเอกภาพผู้ทรงสถิตนิรันดร และขอกราบนมัสการทั้งสามพระบุคคลรวมเป็นพระเจ้าทรงฤทธิ์และมีพระเดชานุภาพหนึ่งเดียวกันด้วยเถิด
สวัสดี…พ่อวีรศักดิ์