พระวาจาของพระเจ้าทั้งสองบทในวันนี้พูดถึงเรื่องความตายของลูกชายหญิงหม้าย2 คนคนหนึ่งเป็นลูกชายของหญิงหม้ายที่เมืองสาเรฟัทและอีกคนหนึ่งเป็นลูกชายคนเดียวของหญิงหม้ายที่เมืองนาอินทั้งสองคนนี้ได้เสียชีวิตลงและทำให้ความหวังของหญิงหม้ายทั้งสองคนนี้สูญสิ้นไปด้วยแต่วันนี้พวกเธอทั้งสองคนกลับมีหวังอีกครั้งหนึ่ง พระองค์ทรงเปลี่ยนความทุกข์ยากให้เป็นความยินดีเพราะด้วยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าและความเมตตาสงสารของพระองค์นั่นเองเอลียาห์ไม่สามารถปลุกคนตายให้กลับคืนชีพด้วยฤทธิ์อำนาจของตนเองได้จึงได้วิงวอนพระเป็นเจ้าเพื่อให้ลูกชายของหญิงหม้ายกับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่งแต่สำหรับพระเยซูเจ้าพระองค์ทรงใช้ฤทธิ์อำนาจของพระองค์เองปลุกเด็กหนุ่มคนนี้ให้ลุกขึ้นโดยตรัสว่า“หนุ่มเอ๋ยเราบอกเจ้าว่าจงลุกขึ้นเถิด”แล้วเด็กหนุ่มนั้นก็ลุกขึ้นมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
พี่น้องเราทุกคนคงเคยมีประสบการณ์แบบองค์พระเยซูเจ้าในเรื่องของ“การสงสาร” ผู้อื่นเช่นเมื่อเราเห็นคนอื่นมีความทุกข์หรือมีความยากลำบากในชีวิตเราก็คงอดไม่ได้ที่จะสงสารและเป็นทุกข์ตามไปกับผู้อื่นด้วยยิ่งถ้าคนๆนั้นเป็นคนที่เรารู้จักและอยู่ใกล้ชิดเราเป็นเพื่อนเป็นลูกน้องหรือเพื่อนบ้านของเรา การสะเทือนใจและการสงสารที่มีต่อคนๆนั้นก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยแบบอย่างการสงสารของพระเยซูเจ้าในวันนี้จึงสอนเราว่าแท้จริงความสงสารนั้นต้องมีกิจการเสมอเพราะความสงสารจะไปไม่ถึงความรักได้เลยหากไม่มีกิจการเหมือนดังคำในภาษาอังกฤษที่ใช้เรียก“ความสงสารหรือความเห็นอกเห็นใจ” ว่า“Compassion” ซึ่งหมายถึง com+passion (com ก็คือ“ร่วม” และpassion ก็คือ“ทนทุกข์” นั่นเอง) พระองค์จึงทรงมองเข้าไปที่จิตใจของหญิงหม้ายมองเห็นความทุกข์ของเธอพระองค์จึงทรงปลุกลูกชายของเธอให้กลับคืนชีพแล้วส่งเขาคืนให้กับเธอหันมามองที่ชีวิตของเราบางครั้งเรามักไปไม่ถึงความเมตตาสงสารที่แท้จริงเหมือนกับพระองค์เพราะเรามักจะจบความสงสารของเราเพียงแค่ความรู้สึกปากของเราพูดว่า“สงสาร” ใจของเราคิดว่า“สงสาร” แต่เรามักไม่คิดทำอะไรมากกว่าไปกว่านั้นเลย บ่อยครั้งไม่ใช่หรือที่เราได้ยินข่าวร้ายเกี่ยวกับภัยพิบัติหรืออุทกภัยไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวน้ำท่วมสินามิ ฯลฯแล้วใจของเราก็รู้สึกสงสารผู้ประสบภัยเหล่านั้นแต่เราก็ปล่อยให้ความสงสารนี้ผ่านไปโดยไม่คิดทำอะไรเลยที่พอทำได้เช่นการให้ทานการลงมือช่วยเหลือผู้ประสบภัยหรือแม้แต่การสวดภาวนาให้แก่พวกเขาเหล่านั้น
วันนี้พ่อจึงอยากเชิญชวนเราให้มีหัวใจแบบพระเยซูเจ้าที่มีใจเมตตาสงสารขอให้เราเรียนรู้จักความสงสารและมีความรักอย่างแท้จริงเพราะความเมตตาสงสารเป็นลักษณะประจำตัวของเราคริสตชนเป็นพลังแห่งรักที่มาจากพระเจ้าซึ่งเราทุกคนได้รับจากพระเจ้าและพระเจ้าก็ทรงปรารถนาให้เรามอบความรักนี้ให้แก่ผู้อื่นเช่นกัน
…คุณพ่อปลัด..