สวัสดีครับ
สัปดาห์ละครั้ง 19 มิ.ย. 2016
ช่วงนี้ทั่วโลกหันมาสนใจกีฬากันมากขึ้นจะเรียกว่า“กระแส”ก็ได้ที่กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ก็เห็นจะได้แก่บอลยูโรบอลโคปาอเมริกาและวอลเลย์บอลเวิลด์กรังด์ปรีซ์เรียกว่าบรรดาคอกีฬาทั้งหลายพากันง่วงเหงาหาวนอนไปตามๆกันเพราะอดใจไม่ไหวต้องอดตาหลับขับตานอนดูถ่ายทอดสด… ที่จะตามมาอีกไม่นานซึ่งถือว่าสำคัญและยิ่งใหญ่คือกีฬาโอลิมปิกกีฬาแห่งมวลมนุษย์ชาติประเทศไทยของเราเข้าร่วมการแข่งขันเกือบ100 ชีวิต
ความจริงแล้วกีฬาที่เราติดตามกันในสมัยนี้เหมือนกับเราได้ดูในสนามแข่งขันจริงๆเพราะเขาจะถ่ายทอดสดทำให้เห็นการแข่งขันได้พร้อมกันรู้ผลแพ้ชนะพร้อมๆกันทั่วโลกต่างจากสมัยก่อนที่ต้องรอข่าวกันเป็นวันๆมิหนำซ้ำสมัยนี้ยังมีการรีเพลย์ให้ดูภาพช้าชัดๆว่าความจริงคืออะไรกรรมการตัดสินผิดหรือถูกหลายครั้งทำให้ไม่มีใครอยากจะเป็นกรรมการด้วยเหมือนกันเพราะกลัว“หน้าแตก”ว่างั้นเถอะ
สิ่งที่ได้ข้อคิดสอนใจจากกีฬาก็มีอยู่หลายเรื่องราวเหมือนกันประการแรกสมัยนี้ใครอยากจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันต้องออกแรงลงทุนกันมากมายจริงๆต้องอดทนฝึกซ้อมอย่างหนักต้องใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายเบื้องหลังชัยชนะของนักกีฬาแต่ละคนนั้นต้องผ่านความเจ็บปวดผ่านน้ำตาผ่านอุปสรรคมากมากจริงๆ
มีอยู่2 เรื่องที่ได้ข้อคิดทั้งดีและไม่ดีข้อคิดที่ดีก็คือถ้าใครดูวอลเลย์บอลหญิงของไทยที่แข่งกับตุรกีที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์รายการมองเทรอซ์อะไรนั้นวันนั้นไทยชนะตุรกี
แต่มีแบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์คุณธรรมที่หายากเกิดขึ้นคือมีจังหวะหนึ่งที่กรรมการให้ตุรกีได้แต้มซึ่งก็น่าจะผ่านไปแต่โค้ชตุรกีขอชาเลนจ์ทำเอาผู้เล่นทั้ง2 ฝ่ายคนดูทั้งสนามก็งงผลปรากฏว่าต้องเปลี่ยนคำตัดสินให้ไทยได้แต้มเพราะความจริงแล้วผู้เล่นตุรกีโดนเน็ตคนอื่นไม่เห็นแต่โค้ชตุรกียืนอยู่ใกล้ๆมองเห็นและด้วยสำนึกเขารู้ว่าทีมของเขาไม่สมควรได้แต้ม… หลังจากนั้นเขาได้รับคำชมยกย่องไปทั่วโลก
ต่อมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเป็นข่าวดังทั่วโลกเหมือนกันที่บราซิลตกรอบโคปาฯแพ้ให้กับเปรู0:1 ข่าวนี้มันตรงข้ามกับข่าวแรกเพราะประตูที่เปรูได้นั้นไม่สมควรจะได้เพราะเมื่อมีการรีเพลย์กันดูเห็นว่าผู้ทำประตูใช้มือปัดบอลเข้าประตูจริงๆและคนที่รู้ดีที่สุดคือเจ้าตัวกรรมการอาจมองไม่ทันผู้เล่นของบราซิลตั้งแต่ประตูและอีกหลายคนก็เห็นพยายามประท้วงก็ไม่สำเร็จ
สรุปว่าโค้ชวอลเลย์บอลของตุรกีกับนักบอลของเปรูที่ทำประตูให้ทีมของตนนั้นสำนึกต่างกันจริงๆผู้คนที่ได้เห็นและรู้เรื่องราวทั้ง2 นี้คงจะตัดสินได้ว่าใครควรจะได้รับชัยชนะใครควรเป็นผู้แพ้… ความจริงแล้วอยากจะบอกว่าแพ้–ชนะที่มีคุณค่าและความหมายนั้นมันอยู่ที่สำนึกของตนเองจริงๆ… สวัสดีครับ.