วันนี้เป็นวันสมโภชนักบุญเปโตรและเปาโลอัครสาวกสองนักบุญที่ยิ่งใหญ่ซึ่งพระศาสนจักรสากลและคริสตชนทั่วโลกมีการเฉลิมฉลองและเคารพให้เกียรติแก่ท่านทั้งสองเป็นอย่างสูงตั้งแต่ในยุคแรกของพระศาสนจักรเพราะท่านทั้งสองคือ“หลักศิลาที่มั่นคง” ที่วางรากฐานความเชื่อแก่เราคริสตชนทุกคนด้วยการยอมสละชีวิตของตนเอง
เส้นทางชีวิตนักบุญเปโตรหัวหน้าพระศาสนจักร: ชาวประมงธรรมดาคนหนึ่งในเมืองเบทไซดาที่ไม่มีการศึกษา แต่พระเยซูเจ้าทรงเรียกท่านให้เป็นอัครสาวกแต่งตั้งให้ท่านเป็นหัวหน้าอัครสาวกและเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของพระศาสนจักรดังชื่อของท่านที่พระเยซูเจ้าทรงเปลี่ยนจาก“ซีโมน” เป็น“เคฟาส” หรือ“เปโตร” (มธ. 16:17-19) ท่านนักบุญเปโตรเป็นคนซื่อๆตรงไปตรงมาหุนหันมุ่งทะลุเคยอ่อนแอพลาดพลั้งแต่ก็กล้าหาญเด็ดเดี่ยวที่จะกลับใจและมั่นคงในการติดตามองค์พระเยซูเจ้าด้วยชีวิตสิ่งที่ทำให้ท่านเสียใจมากที่สุดในชีวิตของท่านสองเรื่องคือการปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับพระเยซูเจ้าถึงสามครั้ง(มธ. 26:69-75)แม้ก่อนหน้านี้จะเคยบอกว่าจะปกป้องพระองค์ด้วยชีวิตและไม่มีวันที่จะทอดทิ้งพระองค์อย่างแน่นอนและการหนีจากพระเยซูเจ้าออกจากกรุงโรมเพื่อจะได้ไม่ต้องรับความตายแบบพระองค์จนท่านได้มาพบกับพระเยซูเจ้าอีกครั้งหนึ่งระหว่างทางท่านได้ถามพระองค์ว่า“พระอาจารย์พระองค์จะไปไหน? (Quo Vadis?) พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า“เราจะไปกรุงโรมเพื่อถูกตรึงกางเขนอีกครั้งหนึ่ง” ท่านจึงสำนึกผิดและตัดสินใจอย่างกล้าหาญที่จะกลับไปที่โรมเพื่อรับความตายเช่นเดียวกับพระเยซูเจ้าและที่สุดในเวลาในเวลาที่จะต้องเสียชีวิตด้วยการตรึงกางเขนท่านยังได้แสดงความกล้าหาญร้องขอให้ทหารช่วยตรึงท่านโดยเอาศีรษะลงดินเพื่อมิให้ได้รับเกียรติเท่าเทียมกับองค์พระเยซูเจ้า
เส้นทางชีวิตท่านนักบุญเปาโลผู้สอนและป้องกันความเชื่อ:ชาวฟาริสีที่เคร่งครัดในศาสนาเกิดที่เมืองทาร์ซัสเป็นคนมีการศึกษาเร่าร้อนมีละเอียดรอบคอบในการสอนและเอาจริงเอาจังในสิ่งท่านรู้ท่านเคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ทำลายล้างคริสตชนและเป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนร่วมในการประหารชีวิตนักบุญสเตเฟนแต่พระเจ้าเรียกท่านมาเป็นอัครสาวกเพื่อเป็นพยานยืนยันถึงพระองค์สิ่งที่ทำให้ท่านเคยเสียใจมากที่สุดในชีวิตคือการที่เคยเป็นศัตรูกับพระเยซูเจ้าและศิษย์ของพระองค์แต่สิ่งที่กล้าหาญที่สุดในชีวิตของท่านก็คือการเดินทางไปประกาศพระวรสารแก่ชาวยิวและคนต่างศาสนาถึง3 ครั้งการตั้งกลุ่มคริสตชนในเมืองต่างๆ การเขียนจดหมายและตักเตือนบรรดาคริสตชนที่ท่านตั้งขึ้นให้รักษาความเชื่อและที่สุดในช่วงสุดท้ายของชีวิตท่านยังยอมสละชีวิตเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระเยซูเจ้าด้วยการถูกตัดศีรษะ
พี่น้องครับแม้ในเวลาที่ท่านทั้งสองมีชีวิตอยู่อาจจะมีความอ่อนแอและผิดพลาดกันบ้างแต่ท่านทั้งสองก็รู้จักการกลับใจด้วยการดำเนินชีวิตเป็นคนใหม่และแม้ว่าในการทำงานท่านทั้งสองอาจจะมีเรื่องไม่ลงรอยกันบ้างในการแพร่ธรรมแก่คนต่างศาสนาแต่ท่านทั้งสองก็รู้จักให้อภัยกันและเป็นหนึ่งเดียวกันในการรักษาความเชื่อและวางรากฐานให้แก่พระศาสนจักรชีวิตของท่านนักบุญเปโตรและเปาโลจึงเป็นเสมือนตัวอย่างอันงดงามและเป็นเมล็ดพันธุ์แห่งความเชื่อที่เราคริสชนจะต้องเลียนแบบ