พี่น้องครับ ในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกๆ ปี นอกจากเราคริสตชนจะคิดถึงแม่พระผู้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (15 สิงหาคม)แล้ว อีกเรื่องหนึ่งที่เราจะคิดถึงมากเป็นพิเศษ ก็คือ การคิดถึงแม่ของเรา เพราะแม่คือ ผู้มีพระคุณ เป็นผู้ให้ชีวิต คำสั่งสอน และทุกสิ่งทุกอย่าง สำหรับชีวิตของเรา หลายวันก่อน พ่อได้อ่านบทความเรื่องหนึ่งจาก Facebook มีชื่อว่า “มรดกของแม่” อ่านแล้ว ซึ้งใจมาก เห็นภาพของแม่ และมีข้อคิดดี ๆ สำหรับลูกทุกๆ คน เลยอยากนำแบ่งปันให้กับพี่น้องนะครับ….
ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ในห้องของแม่จะมีโต๊ะอยู่ตัวหนึ่ง ที่ลิ้นชักมักล็อคไว้เสมอ ส่วนกุญแจนั้น แม่เก็บไว้ที่เก๊ะตู้เสื้อผ้าของแม่ ไม่มีลูกคนไหนที่กล้าเปิดลิ้นชัก อันเป็นที่เก็บของมีค่าของแม่แม้แต่คนเดียว! จนวันที่แม่เสียชีวิต พี่สาวคนรองจึงพาพวกเราไปเปิดลิ้นชักของแม่ พวกเราต่างพากันงง! ในลิ้นชักไม่มีอะไร นอกจาก สมุดบันทึกเล็กๆ เล่มหนึ่ง ข้างในสมุดเป็นลายมือของแม่ จดบันทึกวันเดือนปีเกิดของพวกเรา และหลานๆ ทุกคน แม่จดละเอียดแม้แต่เวลาตกฟาก วันสากล วันไทย
นี่หรือคือสมบัติที่แม่รักหนักหนาพูดไป ผมก็จะร้องไห้ แม่บอกผมเสมอว่า “ทรัพย์สมบัติทั้งชีวิตของแม่ก็คือ ลูกของแม่” แม่ทุ่มเทใช้ทั้งชีวิตสั่งสอนกล่อมเกลาพวกเรา ลูกของแม่ทุกคนไม่มีใครเป็นคนเห็นแก่ตัว ทุกคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัย เราทุกคนต่างรู้จักแบ่งปัน
ผมเป็นลูกคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ผมจำได้ว่า สมัยเด็กๆ เวลาแม่พาพวกเราไปเที่ยว แม่มักจะซื้อไอติมแจกพวกเราเสมอ แต่แม่จะซื้อแค่ 6 ไม้เท่านั้น แม่ไม่เคยซื้อให้ตัวเองเลย แม่จะบอกกับพวกเราว่า “ให้แม่กัดคนละคำนะ” ผมเป็นน้องคนเล็ก พอมาถึงตาผม ผมเฝ้าอธิษฐานในใจ “ขอให้แม่กัดไอติมของผมคำเล็ก ๆก็พอ หรือไม่ต้องกัดเลยจะดีกว่า” แต่พอมาถึงผม แม่มักจะกัดคำใหญ่ จนผมหน้าบึ้ง “โธ่! ทำไมแม่ต้องกัดของผมซะคำใหญ่” แต่มันกลับกลายมาเป็นความเคยชิน ดังนั้น เวลาพวกเรามีอะไรอร่อย ๆ เรามักจะให้แม่กินก่อนเสมอ ถ้าวันไหนไม่เห็นแม่อยู่บ้าน พวกเราพี่น้องมักถามเหมือนกันว่า “แม่ล่ะ? แม่ไม่อยู่เหรอ?” มันรู้สึกเหมือนว่า ถ้าไม่ได้ให้แม่กินก่อน ของกินที่แสนอร่อยนั้น มันจะไม่อร่อยในทันทีเลย
ก่อนที่แม่จะสิ้นใจ แม่อยากกินอาหารอยู่ 2 อย่าง คือ อย่างหนึ่งคือ น้ำเต้าหู้เจ้าเก่าที่แม่ชอบกิน และก็ลูกพลับ ผมรีบบึ่งรถไปซื้อน้ำเต้าหู้เจ้าประจำหน้าวัดให้แม่ที่โรงพยาบาล แม่รู้สึกดีใจมาก “อร่อยไม่เปลี่ยนเลยลูกเอ้ย!” แค่ได้ฟังแม่พูดคำนี้ ผมก็รู้สึกภาคภูมิใจเหลือเกินแล้ว ส่วนลูกพลับนั้น พี่สาวไม่รู้จะไปหามาจากไหน เพราะตลาดใกล้บ้านไม่มีขาย พี่ก็เลยไปซื้อส้มโอเซียนมาให้แม่แทน แม่ได้แต่บอกว่า “ช่วงหลังมานี้ ลูกพลับไม่อร่อยเหมือนเดิมนะ ลูกว่าไหม?”
บ่ายนั้น ผมไปประชุมบริษัทแทนเจ้านาย ที่งานประชุมนั้น เจ้าภาพเขาเอาลูกพลับมาเลี้ยงทุกคน ผมก็เลยของลูกพลับกลับบ้าน 6 ลูก จากนั้นก็บึ่งรถไปโรงพยาบาล ผมเดินไปกอดแม่ที่เตียง “แม่ครับ หนูได้ลูกพลับมา 6 ลูก แม่กินลูกพลับนะครับ” จากนั้น ผมก็ปอกลูกพลับให้แม่กิน 2 ลูก แม่ได้แต่ยิ่งดีใจ “อึ่ม อร่อยจริงๆ ลูกพลับลูกนี้รสชาติดีจริงๆ” ผมมองแม่กินอย่างมีความสุข ก็ได้แต่แอบปาดน้ำตา
จากนั้น 3 วัน แม่ก็เสียชีวิต ผมไม่รู้สึกเสียใจ เพราะแม่ได้กินสิ่งที่แม่ชอบกินตั้งแต่สมัยเด็กๆ ทั้ง 2 อย่าง แม่จากพวกเราไปด้วยรอยยิ้ม แม้แม่จะไม่มีมรดกซึ่งเป็นทรัพย์เงินทองให้ลูกหลานเลย แต่แม่ได้ให้สมบัติอันล้ำค่าให้แก่พวกเรา แม่สอนให้เราเป็นคน เป็นคนที่รู้จักแบ่งปัน ทำให้ลูกๆ และหลานของแม่รู้ว่า “การแบ่งปันคือความสุข” (จากหนังสือ นุสนธิ์บุคส์)
พี่น้องครับ ขอให้เราทุกคนที่มีแม่ รักแม่ให้มากนะครับ ใครที่มีแม่อยู่กับเราเวลานี้ ดูแลท่านอย่างดี อย่าให้ทุกสิ่งช้าหรือสายเกินไป แล้วจะมานั่งคิดเสียดาย และพูดว่า ถ้ารู้ยังงี้! เราจะ…. ซึ่งเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ แต่สำหรับท่านที่ไม่มีแม่แล้ว ก็หมั่นระลึกถึงท่านเสมอนะครับ สวดภาวนา ขอมิสซา และนำมรดกล้ำค่าของแม่ คือ สิ่งที่แม่อบรมสั่งสอนตลอดช่วงชีวิตของเรา มาปฏิบัติในชีวิตของเรา เพราะที่เราเป็นเราได้ทุกวันนี้และประสบความสำเร็จ ก็เพราะแม่ของเราไม่ใช่หรือ?