ข้อคิดวันอาทิตย์ที่ยี่สิบเจ็ด เทศกาลธรรมดา ปี C
ลก 17: 5-10; ฮบก 2: 4…ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า “จงถอนราก แล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด” ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน…เมื่อท่านได้ทำตามคำสั่งทุกประการแล้ว จงพูดว่า “ฉันเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ประโยชน์ เพราะฉันทำตามหน้าที่ที่ต้องทำเท่านั้น”…”ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์”
การรับใช้พระเจ้ามิใช่เป็นหน้าที่ แต่เป็นสิทธิพิเศษ…คุณภาพที่สำคัญที่สุดสำหรับการรับใช้นั้น ก็คือ “ความรัก”…เราได้นำจิตตารมย์ใดในการมากราบไหว้นมัสการพระเจ้าในพิธีบูชาขอบพระคุณและในการรับใช้พระเจ้า?
ข้อคิด…ให้เราลองถามตัวเราเองว่าเมื่อเราโดนการกดขี่ข่มเหง การต่อสู้แก่งแย่งชิงดีกันและการใช้ความรุนแรง กดดันอยู่รอบๆตัวเรา…เราได้รับกำลังใจจากที่ไหนและจากผู้ใดที่ทำให้เราสามารถสู้ทนได้?
ประกาศกฮาบากุกรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง เมื่อแลเห็นความรุนแรงและความขัดแย้งต่างๆอยู่รอบตัวท่าน แต่พระเจ้าก็ดูเหมือนว่านิ่งและไม่สนใจต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น…พลางให้คำตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลา”…แต่ให้ผู้รับใช้ของพระเจ้าคงรักษาความสัมพันธ์ของตนกับพระองค์และให้ความไว้วางใจในพระองค์อย่างเหนียวแน่นต่อไป
ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาแห่งความเชื่อ…และนี่เป็นเอกลักษณ์พิเศษของศาสนาของพระเยซูเจ้าและของพระเจ้าในพระธรรมเก่า…เพราะ ”ผู้ชอบธรรมจะมีชีวิตเพราะความซื่อสัตย์” (ฮบก 2: 4) หรือ “ผู้ชอบธรรมของเราจะดำรงชีพด้วยความเชื่อ” (ฮบ 10: 38)
เรื่องราวแห่งความเชื่อศรัทธาของบรรดาคริสตชนเริ่มต้นจากท่านอาบราฮัมซึ่งเป็นบิดาแห่งความเชื่อ… ท่าทีของท่านเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าเป็นท่าทีของความเชื่อศรัทธาที่ท่านมีต่อพระเจ้าจริงๆ คือท่านได้ตอบรับพระเจ้าอย่างพร้อมเสมอว่า “ครับ” ต่อการเรียกของพระองค์ที่ประสงค์ให้ท่านทำตามแผนการของพระองค์ และท่านก็พร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อพระเจ้า แม้กระทั่งยอมยกถวายบุตรชายคนเดียวของท่านอิสอัคให้เป็นยัญบูชาตามพระบัญชา โดยมิได้โต้แย้งแต่อย่างใด
ท่านอาบราฮัมได้เอาชนะความขัดแย้งต่างๆเพื่อที่จะยอมมอบตัวเองให้กับพระวาจาของพระเจ้า ซึ่งได้ทำให้ท่านได้แลเห็นว่าในพระวาจานั้นเป็นความจริงที่สามารถช่วยให้รอดพ้นได้และทำให้ท่านรู้สึกสบายใจ
เช่นเดียวกันสำหรับบรรดาประกาศกในพระธรรมเก่า ระหว่างตลอดประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอดพ้นของประชากรของพระเจ้า พวกท่านได้เป็นผู้ประกาศความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า พวกท่านได้เชิญชวนประชาชนมิให้มอบความไว้วางใจกับคำมั่นสัญญาลมๆแล้งๆของมนุษย์ แต่ให้มอบความไว้วางใจทั้งสิ้นกับพระวาจาที่มาจากพระเจ้า
ความเชื่อเป็นการมอบตัวเองแด่พระเจ้า ซึ่งเราสามารถแลเห็นได้จากบทอ่านแรกในพระธรรมเก่าที่พระเจ้าดูเหมือนว่าจะนิ่งเฉยและหายไปจากประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ประกาศกฮาบากุกได้ถามพระเจ้าถึงเรื่องที่ยากจะเข้าใจในกรณีของการกดขี่ขมเหงและความอยุติธรรมที่กำลังขยายวงกว้างในสังคมของชนชาติอิสราแอลและในสังคมของมนุษยชาติ ซึ่งคนอ่อนแอถูกรังแกและถูกใช้ความรุนแรงอย่างเลือกปฏิบัติ…พระเจ้าได้ทรงตอบท่านว่าเฉพาะความเชื่อศรัทธาเท่านั้น ที่จะช่วยให้เข้าใจความลึกลับของประวัตศาสตร์แห่งมนุษยชาติได้
สำหรับเรื่องของความเชื่อศรัทธาในพระธรรมใหม่ก็เช่นเดียวกัน เป็นความเชื่อศรัทธาที่แสดงออกด้วยความรักที่สามารถเอาชนะการคาดคะเนต่างๆของเรามนุษย์ โดยยอมมอบตัวตนเองอย่างสิ้นเชิงให้กับพระเจ้าและพระเยซูเจ้า ดังเช่นในกรณีของท่านอาบราฮัม
ความเชื่อศรัทธามิได้อยู่ที่การยอมจำนนในทางสติปัญญา แต่เป็นการยอมรับแบบไม่มีเงื่อนไขให้กับพระเจ้าที่ได้ทรงหยิบยื่นความรักของพระองค์ในองค์พระเยซูคริสตเจ้า พระผู้ได้ทรงสิ้นพระชนม์และได้กลับคืนพระชนมชีพเพื่อเรามนุษย์
ความเชื่อศรัทธาเป็นพระพรของพระเจ้า ซึ่งรอคอยคำตอบรับอันอิสระของเรามนุษย์ ความเชื่อศรัทธาในพระเจ้านี้ เป็นเสมือนจิตวิญญาณแห่งชีวิตประจำวันของเราและเป็นชีวิตของชุมชนคริสตชน อันจะทำให้ชีวิตของพวกเขามีคุณค่าและมีความหมาย
ทุกวันนี้เราคริสตชนมีชีวิตอยู่ท่ามกลางโลกที่มิได้นับถือพระเจ้าเที่ยงแท้ โลกที่มิได้มีพระเจ้าเป็นอุดมการณ์และเป้าหมายสูงสุดแห่งชีวิตของพวกเขา…ดังนั้น เราคริสตชนจึงมีหน้าที่ที่จะต้องแสดงจุดยืนแห่งความเชื่อศรัทธาของเราในองค์พระเจ้าและในองค์พระเยซูคริสตเจ้า ซึ่งจะให้คำตอบที่ค้างคาใจพวกเขาอยู่ สำหรับเป้าหมายที่แท้จริงของชีวิตของพวกเขา อันจะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง
สำหรับพวกเราคริสตชน คำวิงวอนทูลขอของบรรดาอัครสาวกต่อพระเยซูเจ้าว่า “โปรดเพิ่มความเชื่อให้พวกเราด้วยเถิด” จะต้องเป็นคำอธิษฐานของเราต่อพระเจ้าทุกๆวัน เพื่อว่าชีวิตของเราจะสามารถเป็นประจักษ์พยานของพระองค์สำหรับเพื่อนพี่น้องของเราที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า เช่นเดียวกับความเชื่อศรัทธาที่ประกาศกฮาบากุกและนักบุญเปาโลมี อันเป็นความเชื่อศรัทธาซึ่งหยั่งรากลึกในองค์พระเจ้าและในองค์พระเยซูคริสตเจ้าซึ่งบันดาลให้ท่านไม่รู้สึกหวั่นไหวและหวาดกลัวต่อความทุกข์ยากลำบากและความเจ็บปวดใดๆทั้งสิ้นในชีวิตของท่าน