สวัสดีครับนะครับพี่น้องพบกับอีกครั้งในคอลัมน์“คิดสักนิด..สะกิดใจ” บทความที่จะนำบทความดีๆมาเล่าให้กับพี่น้องเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและข้อคิดเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตให้แก่พี่น้องที่รักในอาทิตย์นี้พอขอนำเรื่องเล่าสะท้อนความเป็นจริงในสังคมของชายคนหนึ่งที่เคยมีอำนาจและเปรียบเปรยชีวิตของตนเองหลังปลดเกษียนเมื่อต้องกลับมาบรรยายที่เวทีแห่งเดิมแต่มาในสถานะใหม่เพื่อสอนใจเราว่า“จงอย่าลืมว่าตนเองคือใครเพราะตำแหน่งหน้าที่ก็คือหน้ากากที่เราสวมใส่เมื่อวันใดเราถอดกากออกยเราก็เป็นแค่ถ้วยกระดาษธรรมดาๆเท่านั้น”
ชายท่านหนึ่งได้รับเชิญให้มาบรรยายท่ามกลางผู้เข้าฟังเป็นพันคนณห้องประชุมแห่งหนึ่งเขาเพิ่งเกษียณมาในเร็วๆนี้ซึ่งในอดีตเขาเป็น……แห่งชาติเขาลุกขึ้นยืนอยู่หน้าเวทีในขณะที่เขาเริ่มการพูดของเขานั่นเองเขาก็ยกกาแฟในถ้วยกระดาษขึ้นมาจิบแล้วก็เริ่มต้นพูดว่า“รู้มั้ยเมื่อหลายปีก่อนในสมัยที่ผมยังเป็น……แห่งชาติผมได้เคยมาพูดอยู่ณห้องประชุมแห่งนี้อยู่หลายครั้งเหมือนกันผู้จัดงานได้เชิญผมมาโดยจัดตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ(Business Class) ส่งคนขับรถมารับผมที่สนามบินพาผมไปที่โรงแรมเช็คอินโรงแรมรอต้อนรับไว้ให้ผมไว้เรียบร้อยพาผมขึ้นไปบนห้องพักตอนเช้ามีคนมารอรับที่ ล็อบบี้โรงแรมและพาผมมาที่นี่ที่ด้านหลังเวทีพาไปห้องพักรอและเสริฟกาแฟผมด้วยถ้วยกระเบื้องหรูหราสวยงาม
แต่ตอนนี้เมื่อผมปลดเกษียนแล้วและไม่ได้เป็น……แล้วผมบินมาด้วยเครื่องชั้นประหยัด(Economy Class) นั่งแท็กซี่มาที่โรงแรมเช็คอินเองเช้าผมนั่งแท็กซี่มาที่นี่เองเดินเข้าทางด้านหน้าถามหาทางเข้ามาหลังเวที ผมขอกาแฟมีใครคนนึงชี้นิ้วไปที่เครื่องทำกาแฟที่มุมห้องและผมก็รินกาแฟใส่ถ้วยกระดาษตรงนั้น”
บทเรียนนี้สอนว่าถ้วยกระเบื้องหรูหราที่ผมเคยได้รับไม่ได้มีไว้สำหรับตัวผมแต่มันมีไว้สำหรับตำแหน่งที่ผมเป็นผมมีค่าเหมาะแค่ถ้วยกระดาษเราทั้งหลายมีค่าแค่ถ้วยกระดาษเมื่อคุณเริ่มประสบความสำเร็จในชีวิตคุณจะได้รับความสะดวกสบายผู้คนจะเรียกว่า“ท่านครับท่านค่ะเค้าจะช่วยคุณถือกระเป๋าเปิดประตูให้คุณชงชาให้คุณดื่มทั้งๆที่คุณไม่ได้ร้องขอแต่นั่นไม่ได้ทำให้คุณเค้าทำให้ตำแหน่งที่คุณเป็นเมื่อคุณก้าวออกไปเค้าจะเอาทุกอย่างให้กับคนที่มาแทนที่คุณ”ดังนั้นจงอย่าลืมเป็นอันขาดว่าเรามีค่าเหมาะแค่ถ้วยกระดาษเท่านั้นและต้องปลงให้ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ที่คบกันด้วยหน้ากากและตำแหน่งหน้าที่เท่านั้น
พี่น้องครับแม้บทความเรื่องนี้จะสอนใจเราได้อย่างดีสำหรับคนที่กำลังมีตำแหน่งหน้าที่ไม่ให้หลงลืมตัวและสะท้อนถึงความเป็นจริงในสังคมยุคปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ต่างตอบแทนตำแหน่งชื่อเสียงอำนาจเกียรติยศและเงินตราฯลฯแต่เรื่องราวเหล่านี้มันอาจไม่จริงเสมอไปก็ได้นะครับเพราะหากระหว่างที่เราดำรงอยู่ในตำแหน่งเราเป็นความดีเป็นคนน่ารักเสมอต้นเสมอปลายยุติธรรมแก่ลูกน้องดูแลลูกน้องด้วยความเห็นอกเห็นใจและรับผิดชอบหน้าที่อย่างดีฯลฯ เมื่อวันใดที่เราต้องลงจากตำแหน่งหรือปลดหน้ากากของเราลูกน้องหรือผู้คนทั่วไปก็คงยังให้เกียรติเคารพและรักเราเสมอเพราะตำแหน่งที่ปลดออกคือหน้าที่รับผิดชอบเท่านั้นแต่ไม่ใช่คุณงามความดีที่อยู่ในใจของคนซึ่งจะยกตัวเราให้อยู่สูงและมีคุณค่าเหมือนเดิม
คุณพ่อปลัด