ข้อคิดวันอาทิตย์ที่สามสิบสามเทศกาลธรรมดาปีC
ลก21: 5-19…ก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นเขาจะจับกุมท่านจะเบียดเบียนท่าน…บางท่านจะต้องถูกประหารชีวิตด้วยท่านทั้งหลายจะเป็นที่เกลียดชังของทุกคนเพราะนามของเรา…ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้…
เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย…ในท่ามกลางโลกที่เป็นเช่นนี้เราได้รับการคาดหวังให้เป็นประจักษ์พยานให้กับพระคริสตเจ้า…แต่เพื่อที่จะเป็นคนดีและเป็นประจักษ์พยานที่ดีนั้นเราต้องการความช่วยเหลือจากเบื้องบน…ดังนั้นให้เราได้อธิษฐานภาวนาขอความช่วยเหลือและพละกำลังจากพระเจ้า
ข้อคิด…ขณะที่ปีพิธีกรรมของเทศกาลธรรมดากำลังจะจบสิ้นลงในช่วงสัปดาห์หน้าพระวาจาของพระเจ้าก็มุ่งให้สัตบุรุษได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับวาระสุดท้ายของโลกและการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระคริสตเจ้า…ในบทอ่านที่หนึ่ง(มลค1-2ก) ท่านประกาศกมาลาคีได้กล่าวว่าสำหรับคนชั่วนั้นวันของพระเจ้าจะเป็นวันแห่งการพิพากษาแต่สำหรับคนดีจะเป็นวันแห่งการช่วยให้รอดพ้น
ส่วนในบทอ่านที่สอง(2 ธส3: 7-12)นักบุญเปาโลก็ได้กล่าวถึงการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้าเพราะสัตบุรุษชาวเมืองเธสะโลนิกาเชื่อว่าการเสด็จมากลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้ากำลังใกล้จะเกิดขึ้นแล้วจึงให้อยู่เฉยๆคอยพระองค์ดีกว่าโดยไม่ต้องทำงานแต่ท่านนักบุญกลับเตือนพวกเขาให้ดูตัวอย่างของท่านที่เจริญชีวิตและยังทำงานทุกอย่างตามปรกติ
และนักบุญลูกาในพระวรสารได้พูดถึงการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้าอย่างมีนัยยะสัมพันธ์กับการที่กรุงเยรูซาเล็มและพระวิหารจะถูกทำลายคือเมื่อทหารชาวโรมันได้ทำลายเมืองและพระวิหารในปี70 แม่ทัพชาวโรมันก็ได้ออกคำสั่งมิให้ทำลายกำแพงเมืองเพื่อว่าชาวยิวจะได้มาร้องไห้คร่ำครวญที่กำแพงเมืองนี้ได้และกำแพงเมืองนี้ก็ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้อย่างไรก็ตามนักบุญลูกาก็ได้เตือนให้พวกเขาได้รำลึกถึงพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ได้ทรงกล่าวกับสานุศิษย์ของพระองค์ว่าอย่าให้พวกเขาถูกหลอกลวงและหลงเชื่อตามเสียงเล่าลือและปรากฏการณ์ต่างๆว่าวาระสุดท้ายของสากลจักรวาลกำลังจะมาถึงแล้ว…พระวรสารยังได้กล่าวถึงสภาพการณ์ของคริสตชนในช่วงเวลาของการถูกเบียดเบียนซึ่งจะต้องถือว่าเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้เป็นประจักษ์พยานให้กับองค์พระเยซูคริสตเจ้าและข่าวดีของพระองค์และพระเยซูเจ้าเองจะเป็นผู้สอดส่องดูแลและเป็นกำลังใจให้กับพวกเขาจนกว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะในท้ายที่สุดเพียงแต่ขอให้พวกเขาได้ซื่อสัตย์และยืนหยัดจนถึงที่สุด
สำหรับพระเยซูเจ้าเองพระองค์มิได้ทรงปิดบังจากบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์ถึงสิ่งต่างๆที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ๆกับการเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งของพระองค์พระองค์ได้บอกกับพวกเขาว่าในช่วงเวลานั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใกล้จะสิ้นโลกอะไรต่างๆก็จะเกิดขึ้นได้และชีวิตดูจะยากลำบากมากยิ่งขึ้นซึ่งอาจจะมีเรื่องของสงครามแผ่นดินไหวน้ำท่วมโรคระบาดข้าวยากหมากแพงการเบียดเบียนการโดนกักบริเวณการทรยศหักหลังกันการฆ่าฟันกันเองฯลฯ
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาระหว่างการเสด็จมาครั้งแรกกับการเสด็จมาอีกครั้งหนึ่งของพระเยซูเจ้านั้นจะเป็นช่วงเวลาของการทำงานแพร่ธรรมหรือการประกาศข่าวดีของพระองค์สำหรับบรรดาสานุศิษย์เพื่อจะได้เป็นประจักษ์พยานให้กับพระอาจารย์ของพวกเขาอันเป็นประเด็นที่นักบุญลูกาให้ความสนใจอย่างมากๆเป็นพิเศษในพระวรสารของท่านซึ่งจะได้รับการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบในหนังสือเล่มที่สองของท่านคือหนังสือ“กิจการอัครสาวก” เพราะก่อนที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จขึ้นสู่สวรรค์พระองค์ได้ทรงบัญชาสานุศิษย์ของพระองค์ว่า“พวกท่านจะรับอานุภาพของพระจิตเจ้าเพื่อจะเป็นพยานถึงเราในกรุงเยรูซาเล็มทั่วแคว้นยูเดียแคว้นสะมาเรียจนถึงสุดปลายแผ่นดิน”(กจ1: 8)
สำหรับคริสตชนที่จะถูกเบียดเบียนข่มเหงพวกเขาจะได้รับการประกันว่าพวกเขาจะได้รับ“คำพูดและปรีชาญาณจากองค์พระจิตเจ้าซึ่งศัตรูของพวกเขาจะต้านทานหรือโต้แย้งไม่ได้” (ลก21: 15) เพราะเป็นองค์พระจิตเจ้านี่เองที่จะเป็นผู้นำและคอยช่วยเหลือบรรดาศิษย์ของพระเยซูเจ้าหลังจากที่พระองค์ได้เสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว
บรรดาคริสตชนจะต้องไม่เป็นห่วงกังวลถึงวันเวลาใกล้จะสิ้นโลกแต่อย่างใดสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือการเป็นประจักษ์พยานให้กับองค์พระเยซูเจ้าในชีวิตประจำวันเพราะ“เส้นผมบนศีรษะของท่านจะไม่เสียไปแม้แต่เส้นเดียว” (ลก21: 18) ถ้าหากพระเจ้าจะไม่ทรงอนุญาตแต่ว่า“ด้วยการยืนหยัดมั่นคงท่านจะรักษาชีวิตของท่านไว้ได้”(ลก21: 19) เพราะพระเจ้าแต่ผู้เดียวที่จะรับประกันชีวิตของพวกเขาและจะนำพวกเขาไปรับชีวิตนิรันดร