ข้อคิดอาทิตย์ที่สองเทศกาลเตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าปีA
มธ3: 1-12…จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงทำทางของพระองค์ให้ตรงเถิด…
จากพระวาจาของพระเจ้าในวันนี้เราได้ยินเสียงร้องที่โดดเดี่ยวอีกคำรบหนึ่งของท่านยอห์นแบปติสต์พลางเตือนพวกเราให้เตรียมหนทางสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า…ให้เราแต่ละคนได้เตรียมที่ว่างในจิตวิญญาณและในหัวใจของเราเพื่อว่าพระองค์จะทรงเสด็จมาหาเราในพิธีบูชาขอบพระคุณนี้และในชีวิตของเรา…และท่านยอห์นได้เริ่มภารกิจของท่านด้วยการเชิญชวนให้เราทำการกลับใจใช้โทษบาป
ข้อคิด…ในบทอ่านที่หนึ่งท่านประกาศกอิสยาห์(อสย11: 1-10) ได้พยากรณ์ไว้ว่าแม้ตระกูลของเจสสีห์(บิดาของกษัตริย์ดาวิด) จะต้องถูกทอนลงมาให้เหลือแต่ตอถึงกระนั้นจากหน่ออันนี้เองที่กิ่งหนึ่งจะงอกขึ้นซึ่งจะเป็นกษัตริย์ที่แท้จริงของชนชาติอิสราเอลพระองค์เปี่ยมไปด้วยพระจิตเจ้าและคุณธรรมต่างๆของบรรพบุรุษ…กษัตริย์พระองค์ใหม่นี้จะทรงเป็นผู้พิทักษ์คนยากจนและผู้ฟื้นฟูสันติภาพให้กลับมาสู่มนุษยชาติ…นักบุญเปาโล(รม15: 4-9) ได้พูดถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันตามแบบฉบับของพระคริสตเยซู…ส่วนพระวรสารของนักบุญมัทธิว(มธ3: 1-12) ได้มองว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ซึ่งบันดาลให้พระสัญญาต่างๆของพระธรรมเก่าได้สำเร็จเป็นไปในพระองค์
นักดาราศาสตร์เป็นมนุษย์พวกแรกๆที่มองดูโลกจากภายนอกโลกเช่นเดียวกันสำหรับบรรดาประกาศกซึ่งมีวิสัยทัศน์ที่สูงและกว้างไกลเป็นวิสัยทัศน์ที่มองว่าสิ่งต่างๆจะเป็นอย่างไรบ้าง…ซึ่งก็อาจจะมีทั้งดีและไม่ดีแต่ว่าวิสัยทัศน์ของท่านประกาศกอิสยาห์ในวันนี้มิได้ทำให้พวกเรารู้สึกชื่นใจสบายใจและมีความหวังดอกหรือ?…สุนัขป่าจะอยู่กับลูกแกะ…ทารกที่ยังไม่หย่านมจะเล่นอยู่ที่ปากรูงูเห่า…จะไม่มีผู้ใดทำร้ายหรือทำลายทั่วภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า…
อย่างไรก็ตามพระวรสารทั้งสี่ต่างก็ยืนยันถึงความจริงที่สำคัญประการหนึ่งว่าท่านยอห์นแบปติสต์ได้ปรากฏตัวตั้งแต่ตอนช่วงแรกๆของพระวรสารท่านเป็นผู้หนึ่งที่ทำการจารึกจุดสิ้นสุดของการรอคอยพระผู้จะต้องบังเกิดมาแต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ทำการจารึกจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในองค์พระเยซูเจ้าท่านเป็นประกาศกท่านสุดท้ายในบรรดาประกาศที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายเป็นประกาศกที่ได้มาทำหน้าที่ที่สำคัญด้วยการเป็นผู้นำหน้าพระผู้ไถ่หลังจากที่ได้ทิ้งช่วงไปค่อนข้างนานที่ไม่มีประกาศกท่านใดได้เตือนสอนประชาชนในเรื่องนี้
ท่านยอห์นนุ่งห่มด้วยผ้าขนอูฐมีสายหนังรัดเอวรับประทานตั๊กแตนและน้ำผึ้งเป็นอาหาร…นี่เป็นภาพของผู้ที่ทำพลีกรรมใช้โทษบาปอย่างมากๆ
ท่านยอห์นมีจิตสำนึกถึงพันธกิจของท่านที่ได้รับจากพระเจ้าให้เชิญชวนชนชาวอิสราแอลให้เป็นทุกข์กลับใจใช้โทษบาปและให้ท่านโปรดศีลล้างให้กับผู้ที่เป็นทุกข์กลับใจประชาชนพากันมาหาและฟังท่านเพราะพวกเขาเชื่อว่าท่านพูดคำของพระเจ้าอย่างตรงไปตรงมาพวกเขาจึงพากันกลับใจสารภาพบาปของตนและขอให้ท่านช่วยโปรดศีลล้างให้…นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับพวกเขาแต่ละคนที่จะต้องทำการเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนไปในหนทางที่ดีขึ้นเราจะเป็นลูกหลานของใครมีตำแหน่งฐานะอย่างไรไม่สำคัญเพราะมันจะไม่ได้ช่วยอะไรให้เราดีขึ้นถ้าหากว่าเราจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวเราเองให้ดีขึ้นให้ศักดิ์สิทธิ์ยิงขึ้น
ท่านยอห์นเรียกร้องให้ทุกคนรีบทำการเปลี่ยนแปลงตนเองโดยร้องบอกว่า“จงทำทางของพระเจ้าให้ตรงเถิด”…จริงๆแล้วน่าจะต้องเป็นการทำให้หนทางแห่งการดำเนินชีวิตของพวกเราแต่ละคนให้ตรงเสียมากกว่าเพื่อพระเจ้าจะได้เดินมาหาได้อย่างสะดวก… สิ่งที่ยังไม่ตรงซึ่งเห็นง่ายๆและชัดๆก็คือความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนพี่น้องโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่อยู่ในบ้านเดียวกับเราในที่ทำงานด้วยกันหรือในหมู่คณะเดียวกันเช่นเรายังไม่อยากยกโทษให้เขาและไม่อยากลืมเรื่องที่เขาได้ทำขัดใจเราเรายังไม่อยากเข้าใจเขาไม่อยากทนเขาฯลฯ
เราลืมไปว่าชีวิตของมนุษย์เรานั้นมันสั้นในขณะนี้เราคงจะไม่รู้สึกเสียใจในสิ่งที่เราได้ทำลงไปเพราะเราอาจจะคิดไปว่าเรายังคงจะมีชีวิตอีกยาวนานแต่เราคงจะรู้สึกเสียใจถ้าหากว่าเราไปได้ยินมาว่าคนนี้คนนั้นซึ่งมีอายุน้อยกว่าเรามีสุขภาพดีกว่าเราเพิ่งจะจากเราไปโดยที่เรายังไม่ได้ยกโทษให้เขาคุยกับเขาใช้หนี้เขาฯลฯ
ถ้าเราตระหนักดีว่าชีวิตของเราจะอยู่ไปได้อีกสักกี่วัน? กี่เดือน? กี่ปี?…เราก็คงจะไม่รอช้าที่จะทำในสิ่งที่เราอยากจะผลัดไปทำในวันข้างหน้าเราคงไม่อยากเป็นคนที่ผลัดวันประกันพรุ่ง
ดังนั้นคงจะไม่ใช่หนทางของพระผู้เป็นเจ้าที่เราจะต้องทำให้ตรงแต่เป็นหนทางหรือชีวิตหรือความประพฤติหรือความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อนพี่น้องของเราต่างหากที่เราจะต้องทำให้ตรงทำให้ดีและดังนี้แหละที่เราเรียกว่า…จงเตรียมทางขององค์พระผู้เป็นเจ้าจงทำทางของพระองค์ให้ตรงเถิด…เป็นการทำทางเดินแห่งชีวิตของเราให้ตรงเพื่อให้พระผู้เป็นเจ้าจะได้เสด็จมาหาเราได้อย่างสะดวก
แต่ว่าการจะเดินในหนทางที่ตรงเราต้องการพละกำลังต้องการปรีชาญาณต้องการใจที่เด็ดเดี่ยวไม่ท้อถอยง่ายซึ่งจะได้มาด้วยการสวดภาวนาการทำพลีกรรมการรับศีลศักดิ์สิทธิ์การอ่าน-ฟัง-ไตร่ตรองพระวาจาและนำเอาไปปฏิบัติเป็นชีวิตของเราดังเช่นแบบอย่างชีวิตของแม่พระนักบุญยอแซฟและท่านยอห์นแบปติสต์