สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันอีกครั้งในคอลัมน์ “คิดสักนิด..สะกิดใจ” นะครับ ในอาทิตย์ที่ 6 ของเทศกาลปัสกา อาทิตย์หน้าเราจะสมโภชพระเยซูเจ้าเสด็จขึ้นสวรรค์ และในอาทิตย์ต่อไป 3 มิถุนายน ค.ศ.2017 เราจะสมโภชพระจิตเจ้า ดังนั้น พระวรสารในช่วงนี้จะมีการพูดถึงพระจิตเจ้าทีละเล็กละน้อย เพื่อเตรียมจิตใจของเราสำหรับอีก 2 อาทิตย์ถัดไป ดังเช่นในพระวรสารวันนี้ที่พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา ท่านจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา และเราจะวอนขอ พระบิดา แล้วพระองค์จะประทาน ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่าน” ซึ่งเราทราบดีว่า ผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งนี้ คือ พระจิตเจ้า นั่นเอง พระองค์ทรงเป็นพลังอำนาจบางอย่างที่มองไม่เห็น แต่ยิ่งใหญ่สามารถขับเคลื่อนพระศาสนจักรและชีวิตคริสตชน ทำให้พระศาสนจักรมั่นคง และทำให้ชีวิตของเราร้อนรนขึ้น
หลายวันก่อน พ่อได้มีโอกาสพบกับคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช ซึ่งกำลังเรียบเรียงหนังสือเล่มใหม่ของสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทย โอกาสครบ 100 ปี แห่งการประจักษ์มาของแม่พระฟาติมา หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “มารีอา ฟาติมา” คุณพ่อเชษฐาได้เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักบุญใหม่ทั้งสองท่าน คือ ฟรังซิสโก และยาชินทา ซึ่งพระสันตะปาปาฟรังซิสทรงสถาปนาอย่างเป็นทางการ เมื่อ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมานี้เอง พ่อเห็นว่าพี่น้องหลายท่านคงจะไม่ค่อยรู้จักกับท่านนักบุญทั้งสองมากนัก จึงได้ขอบทความจากคุณพ่อเชษฐาและขอนำเรื่องราวของท่านทั้งสองลงในสารวัด เพื่อพี่น้องจะได้รู้จักท่านทั้งสองได้มากขึ้นครับ
เส้นทางสู่การเป็นนักบุญของฟรังซิสโกและยาชินทา
กระบวนการพิจารณาของพระศาสนจักร เพื่อรับรองการเป็นบุญราศีของฟรังซิสโกและยาชินทาเริ่มเมื่อวันที่ 30 เมษายน ค.ศ.1952 โดยพระสังฆราชแห่งแห่งเลอีรีอา
เอกสารในการพิจารณาเป็นบุญราศีของยาชินทา ถูกส่งไปยังสมณกระทรวงเพื่อการแต่งตั้งนักบุญ (Sacred Congregation for the Cause of Saints) เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ค.ศ.1979 และเอกสารในการพิจารณาเป็นบุญราศีของฟรังซิสโก ได้ถูกส่งไปยังสมณกระทรวงเมื่อวันที่ 3 สิงหาคมปีเดียวกัน กระบวนการพิจารณาเป็นบุญราศีของฟรังซิสโกและยาชินทาเป็นไปอย่างราบรื่น ในวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 1989 นักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ทรงออกกฤษฎีการับรองฤทธิ์กุศลอันโดดเด่นขั้นวีรกรรมของผู้รับใช้พระเจ้า คือ ฟรังซิสโก และผู้รับใช้พระเจ้ายาชินทา และทรงประกาศให้ท่านทั้งสองเป็น “บุคคลผู้น่าเคารพ” (Venerable)
เนื่องจากท่านทั้งสองมิใช่มรณสักขี จึงต้องการอัศจรรย์ 1 อย่าง เพื่อได้รับการสถาปนาเป็นบุญราศีจากพระศาสนจักร สำหรับกรณีอัศจรรย์ที่ทำให้พระศาสนจักรประกาศรับรองการเป็นบุญราศีของท่านทั้งสอง คือ กรณีของ มารีอา เอมีเลีย ซานโตส สตรีผู้นี้ป่วยเป็นอัมพาตถึง 22 ปี โดยเป็นอัมพาตตั้งแต่เอวถึงปลายเท้า เธอภาวนาและทำนพวารวอนขอพระเจ้า ผ่านทางฟรังซิสโกและยาชินทาอย่างสม่ำเสมอ และในคืนวันที่ 25 มีนาคม ค.ศ. 1987 เธอได้ยินเสียงเด็กบอกกับเธอว่า “ลุกขึ้น เธอทำได้” เธอลุกขึ้นและต่อจากนั้นเธอสามารถใช้รถเข็นได้ เธอยังคงภาวนาและทำนพวารวอนขอพระเจ้าผ่านทางฟรังซิสโกและยาชินทาต่อไป ที่สุดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1989 ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของยาชินทา เธอสามารถลุกขึ้นด้วยตนเอง เดินก้าวแรกโดยปราศจากความเจ็บปวดและเดินได้เป็นปกติในที่สุด กรณีนี้ถูกส่งไปยังสมณกระทรวงเพื่อการแต่งตั้งนักบุญ คณะที่ปรึกษาทางแพทย์ของสมณกระทรวงได้ตรวจสอบกรณี และลงความเห็นว่า “คณะแพทย์พบว่าโรคที่ได้รับการรักษานั้นและสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่สามารถพบคำอธิบายและการพิสูจน์ได้โดยหลักการทางแพทย์และทางวิทยาศาสตร์” (คือ อัศจรรย์นั่นเอง) และได้ส่งการรับรองนี้ไปให้ที่ปรึกษาทางเทววิทยาของสมณกระทรวงพิจารณารับรอ
ที่สุดนักบุญยอห์น ปอล ที่ 2 พระสันตะปาปา ได้ออกกฤษฎีการับรองอัศจรรย์นี้เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 1999 และพระองค์เสด็จไปแสวงบุญที่ฟาติมาเป็นครั้งที่ 3 เพื่อทรงทำพิธีสถาปนาฟรังซิสโก และยาชินทา เป็นบุญราศี ณ สักการสถานแม่พระฟาติมา เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ.2000 วันฉลองของท่านทั้งสอง คือ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ (วันที่ยาชินทาสิ้นชีวิต)
กระบวนการของพระศาสนจักรในการตรวจสอบอัศจรรย์เพื่อสถาปนาบุญราศีฟรังซิสโกและบุญราศียาชินทาเป็นนักบุญ เป็นกรณีการได้รับการรักษาอย่างอัศจรรย์ของ มูเรา ปาราน่า ลูกัส เด็กชาวบราซิล โดยผ่านทางการเสนอวิงวอนของบุญราศีฟรังซิสโกและบุญราศียาชินทา
โจเอา บาติสตา และลูซิลา ยูรี บิดามารดาของลูกัสได้เล่าว่า เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ.2013 ก่อนเวลา 08.00 น. ลูกัส (เวลานั้นอายุ 5 ปี) กำลังเล่นกับน้องสาวชื่อ เอดูอาร์ดา เขาพลัดตกจากหน้าต่างซึ่งสูง 20 ฟุต ศีรษะกระแทกพื้นและมีอาการสาหัสมาก เบื้องต้นเขาได้รับการรักษาพยาบาลที่เมืองยูรันดา และถูกส่งไปที่โรงพยาบาลในเมืองกัมโป มูเรา ปาราน่า ลูกัสอาการโคม่า หัวใจหยุดเต้น 2 ครั้ง หมอได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อช่วยชีวิตเขา ในช่วงเวลาอันวิกฤตนี้บิดามารดาของลูกัสได้ภาวนาวอนขอพระเยซูเจ้า และแม่พระฟาติมาที่พวกเขามีความศรัทธาเป็นพิเศษ
วันรุ่งขึ้น พวกเขาขอให้ซิสเตอร์อารามคาร์แมลที่กัมโป มูเรา ช่วยภาวนาให้ลูกของเขา แต่ว่าเป็นช่วงเวลาที่ซิสเตอร์ถือเงียบ ซิสเตอร์จึงไม่ได้รับทราบคำขอของพวกเขา เวลาผ่านไป อาการของลูกัสแย่ลง จนถึงวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2013 บรรดาแพทย์ได้ตัดสินใจส่งลูกัส ไปรักษาที่โรงพยาบาลอีกแห่งที่มีอุปกรณ์การแพทย์ที่ดีกว่า และบอกกับบิดามารดาว่า โอกาสที่ลูกัสจะรอดมีน้อยมาก และถ้าเขารอดชีวิตมาได้ ร่างกายของเขาจะฟื้นตัวช้ามาก หรือบางทีเขาอาจไม่สามารถรับรู้หรือตอบสนองได้อีกต่อไป
วันที่ 7 มีนาคม ค.ศ. 2013 บิดามารดาของลูกัสไปขอให้ซิสเตอร์ในอารามช่วยสวดให้ลูกัสอีกครั้ง ซิสเตอร์คนหนึ่งวิ่งไปอยู่ต่อหน้าพระธาตุของบุญราศีฟรังซิสโกและบุญราศียาชินทา ซึ่งอยู่ใกล้ตู้ศีลมหาสนิท พร้อมทั้งภาวนาว่า “ผู้เลี้ยงแกะช่วยเด็กคนนี้ด้วย เขาเป็นเด็กเหมือนท่าน” และซิสเตอร์ยังได้ขอให้ซิสเตอร์ท่านอื่นในอารามภาวนาวอนขอบุญราศีทั้งสองเพื่อลูกัสด้วย ครอบของลูกัสก็สวดขอบุญราศีทั้งสองด้วยเช่นกัน 2 วันต่อมา คือวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 2013 ลูกัสฟื้นขึ้นมา เริ่มพูดได้ และยังถามหาน้องสาวด้วย
วันที่ 11 มีนาคม ค.ศ. 2013 เขาออกจากห้อง ICU และอีก 2-3 วัน ก็ออกจากโรงพยาบาล ลูกัสหายเป็นปกติ มีสติปัญญาและอาการเป็นปกติเหมือนเดิมที่เขาเคยเป็นก่อนเกิดอุบัติเหตุ บรรดานายแพทย์ (ซึ่งบางคนไม่มีความเชื่อในพระเจ้า) ได้กล่าวว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นกับลูกัสนี้ พวกเขาไม่มีคำอธิบายทางการแพทย์
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงออกกฤษฏีการับรองอัศจรรย์นี้ เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 2017 และทรงประกอบพิธีสถาปนาบุญราศีฟรังซิสโกและบุญราศียาชินทาเป็นนักบุญ เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 ณ สักการสถานแม่พระฟาติมา โอกาสฉลอง 100 ปีแห่งการประจักษ์ของแม่พระฟาติมา
ขอขอบคุณคุณพ่อเชษฐา ไชยเดช และสื่อมวลชนคาทอลิกแห่งประเทศไทยที่ให้ข้อมูล ทำให้เรารู้จักกับนักบุญผู้น่ารักทั้งสอง ฟรังซิสโก และยาชินทา ในพระศาสนจักรของเรา
…คุณพ่อปลัด…