สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันเช่นเคยกับคอลัมน์ “คิดสักนิด…สะกิดใจ” ในอาทิตย์ที่ 17 ของเทศกาลธรรมดา พระวรสารในวันนี้ พระเยซูเจ้าทรงตรัสกับเราถึงเรื่องพระอาณาจักรสวรค์ และความชื่นชมยินดีที่ใครคนใดคนหนึ่งจะได้ครอบครองเป็นเจ้าของ แม้คำอุปมา “ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในทุ่งนา” และ “ไข่มุกเม็ดงาม” จะมีลักษณะที่แตกต่างในเรื่องของรายละเอียด แต่ก็มีความสอดคล้องกัน เพราะการค้นพบอาณาจักรของพระเจ้า อาจเป็นได้ทั้งเรื่องบังเอิญหรือการแสวงหาตลอดชีวิต พระเยซูจึงเชื้อเชิญและบอกเหตุผลของการเสด็จลงมาในโลกนี้ของพระองค์เพื่อประกาศอาณาจักรของพระเจ้าว่า “เวลาที่กำหนดไว้มาถึงแล้ว พระอาณาจักรของพระเจ้าอยู่ใกล้แล้ว จงกลับใจและเชื่อข่าวดีเถิด” (มก 1:15) ดังนั้น เราจึงต้องแสวงหาพระเยซูเจ้าให้พบ เรียกร้องการละทิ้งทุกสิ่ง และดำเนินชีวิตเพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่สูงค่าทุกอย่าง ดังชายที่พบขุมทรัพย์ในทุ่งนา และพ่อค้าที่พบไข่มุกเม็ดงาม เมื่อเขาพบ เขาจะจึงรีบกลับไปขายทุกสิ่งที่มี เพื่อซื้อที่นาและไข่มุกเม็ดนั้น เพราะใครก็ตามที่แสวงหา และปรารถนาขุมทรัพย์แห่งอาณาจักรของพระเจ้าจะพบกับความยินดีอย่างหาที่สุดมิได้
คุณแม่เทเรซา แห่งกัลกัตตา เป็นตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้ ท่านเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มีจิตใจประเสริฐ ท่านจึงได้อุทิศตนเองทั้งชีวิต เพื่อช่วยผู้ยากจน เจ็บป่วย กำลังจะตาย กำลังทนทุกข์ทรมาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดีย เพราะเธอมองเห็นพระเยซูในคนเหล่านี้เสมอ เธอจึงทำทุกอย่างราวกับว่า “เธอกำลังปฏิบัติรับใช้องค์พระเยซูเจ้าเอง” คำสอนต่างๆ และคำพูดที่เธอใช้สอนคนอื่นๆ โดยเฉพาะสอนบรรดา ซิสเตอร์ในคณะของเธอ มีพลังและมีอิทธิพล ทำให้พระวรสารของพระเยซูเจ้าเป็นจริงขึ้นมาได้อย่างน่าประหลาดใจ
ในความเป็นจริง ไม่มีใครเกิดมาเป็นไข่มุกล้ำค่า แม้แต่ไข่มุกเองก็ต้องใช้เวลานานมากๆ กว่าจะเป็นไข่มุกได้ และเมื่อเป็นไข่มุกแล้ว ก็ไม่ใช่ทุกเม็ดอีกที่จะเป็นไข่มุกที่งดงามได้ แม้แต่กษัตริย์โซโลมอนเองก็มิได้เกิดมาเพื่อเป็นไข่มุกเม็ดงาม แต่กษัตริย์โซโลมอนทรงเป็นผู้แสวงหา และก็หาได้ถูกทาง เพราะเมื่อเวลาที่พระถามท่านว่า ท่านต้องการอะไรก็จงขอเถิด โซโลมอน ขอปรีชาญาณ เพื่อแยกแยะว่าระหว่างดีและชั่ว และพระเจ้าก็พอพระทัย ประทานปรีชาญาณให้ และแม้ท่านจะไม่ได้ขอทรัพย์สินเงินทอง อายุยืนยาว เกียรติยศชื่อเสียง พระเจ้าก็ยังแถมให้เองอีกด้วย ไข่มุกเม็ดงาม จึงอยู่ที่ปรีชาญาณ เพื่อรู้จักแยกแยะว่าอะไรดี อะไรชั่ว ไม่ใช่แสวงหาเงินทอง หรือขอตำแหน่งหน้าที่สูงๆ หรือการแสวงหาความพึงพอใจฝ่ายโลกและฝ่ายเนื้อหนัง
พระวรสารของพระเยซูเจ้า คือ แนวแทงเพื่อนำเราไปสู่สมบัติที่แท้ เพราะในพระวรสารมีปรีชาญาณ มีคำสอนเพื่อช่วยให้เรารู้กกับการแยกแยะชั่ว–ดี มีหนทาง มีความจริง มีชีวิตนิรันดร นี่คือ หนทางไปสู่ชีวิตนิรันดร ซึ่งต้องยอมขายทุกสิ่งที่มี เพื่อเป็นเจ้าของสมบัติชิ้นนี้ให้ได้ สละทิ้งทุกอย่างที่มันถ่วงเรา และใช้พละกำลังทั้งหมด ปรีชาญาณทั้งหมด เพื่อจะได้สมบัตินี้มาเป็นกรรมสิทธิ์ “ข้าพเจ้าคิดว่าการมีชีวิตอยู่ก็คือพระคริสตเจ้า และการตายก็เป็นกำไร” (ฟป 1:21) และเราก็สามารถเป็นไข่มุกเม็ดงามต่อเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าได้เสมอ เพราะเรามีแนวแทงที่ชัดเจนอยู่แล้วในพระวรสาร
…คุณพ่อปลัด…