สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันอีกเช่นเคยในคอลัมน์ “คิดสักนิด..สะกิดใจ” ในสัปดาห์ที่ 19 ของเทศกาลธรรมดา พระวรสารวันนี้ได้เล่าถึง “การเดินบนน้ำของพระเยซูเจ้า” ซึ่งแสดงให้เราเห็นถึงอัศจรรย์ สองประการของพระเยซูเจ้า นั่นคือ การเดินบนน้ำ และการช่วยสาวกของพระองค์ให้รอดจากพายุแรงกล้า โดยพระวรสารตอนนี้เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องจากการทำอัศจรรย์ทวีขนมปังเลี้ยงคนมากกว่าห้าพันคนพระองค์ได้ทรงสั่งให้บรรดาศิษย์ลงเรือ ขณะที่พระเองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาอธิษฐานภาวนาตามลำพัง ทรงภาวนาไปจนกระทั่งถึงยามที่สี่ แล้วทรงดำเนินบนทะเลไปหาบรรดาศิษย์ ซึ่งในขณะนั้นเรือของบรรดาศิษย์กำลังอยู่ในน้ำลึกและกำลังโต้คลื่นอย่างหนัก แต่เมื่อบรรดาศิษย์เห็นพระองค์ดำเนินมาบนทะเลก็ตกใจกลัว พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย”
ที่จริงพระวรสารในวันนี้เต็มไปด้วยความหมายและสัญลักษณ์ที่งดงามมากมาย เช่น การเดินบนน้ำของพระเยซูเจ้าแสดงให้เห็นว่า พระองค์เป็นพระเจ้าผู้ทรงมีพลังอำนาจเหนือความชั่วและความืดทั้งปวง เพราะชาวยิวมีความเชื่อว่า ท้องทะเลเป็นบ้านของจิตชั่ว (เทียบ วว.13:1) ทะเลที่บ้าคลั่งและพายุที่พัดกระหน่ำเป็นผลงานของจิตชั่ว ดังนั้น การเดินบนน้ำทะเลและสามารถบังคับคลื่นลมให้สงบลงได้ จึงแสดงให้เห็นว่า พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่พลังอำนาจเหนือจิตชั่ว พระองค์จึงสามารถบังคับควบคุมปีศาจให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ได้
ส่วนเรือที่แล่นอยู่กลางทะเลท่ามกลางคลื่นลมเป็นสัญลักษณ์หมายถึง พระศาสนจักร (บรรดาศิษย์กำลังนั่งอยู่) ที่อาจมีพายุคลื่มลม มีค่านิยม หรือกระแสทางโลกที่ทำให้หลงทาง พระศาสนจักรนี้จึงต่อสู้กับอำนาจของความชั่วและความมืด โดยเฉพาะในช่วงยุคแรกของพระศาสนจักรที่ถูกเบียดเบียนอย่างรุนแรง และถ้าเมื่อไรพระศาสนจักรนี้หรือบรรดาศิษย์ละสายตาไปจากพระเยซูเจ้าก็จะพบวิกฤติอย่างใหญ่หลวง แต่ถ้าเมื่อใดก็ตามที่พระศาสนจักรนี้ร้องขอ พระองค์ก็พร้อมที่จะยื่นพระหัตถ์มาช่วยทันที และทำให้พายุร้ายและคลื่นลมแห่งชีวิตก็จะสงบลง ซึ่งแท้จริงชีวิตของพระศาสนจักรก็เป็นเสมือนชีวิตของเราเองที่บางครั้งเราเองก็อาจถูกความมืดครอบงำ เราหลงทาง เราขาดความเชื่อ เราขาดความไว้วางใจในพระเจ้า และหลงลืมพระเจ้าเมื่อเราเผชิญกับความยากลำบาก รวมทั้งเราอาจเพ่งมองไปที่สิ่งอื่นมากกว่าพระเจ้า แต่ของเราให้เราอย่าลืม คำพูดและตัวอย่างที่นักบุญเปโตรได้สอนเรา จงคิดถึงพระเจ้าเมื่อพบกับปัญหา และพูดแบบท่านว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย” เพราะแท้จริงนักบุญไม่ใช่เป็นคนที่ไม่เคยผิดพลาด แต่เป็นบุคคลที่ผิดพลาดที่รู้จักลุกขึ้นใหม่เสมอเมื่อล้มลง
เคยมีคนมาถามพ่อองค์หนึ่งว่า เวลาที่อาดัมทำบาป อาดัมรู้สึกอาย และเวลาที่พระเจ้าเสด็จลงมาในสวนเอเดน พระองค์ทรงถามอาดัมว่า “อาดัม เจ้าอยู่ไหน?” คำถามก็คือ พระเจ้าทรงทราบดีอยู่แล้วว่า “อาดัมซ่อนอยู่ที่ไหน แล้วจะไปถามอาดัมทำไม?” คุณพ่อองค์นั้นก็ตอบไปว่า เป็นคำถามที่ดีมาก พระเจ้าทรงทราบดีอยู่แล้วจริงๆว่า อาดัมอยู่ที่ไหน แต่พระองค์ต้องการจะถามกลับไปยังอาดัมว่า “อาดัมเองนั้นแหละรู้หรือไม่ว่า อยู่ที่ไหน” เพราะบางคนเวลาหลงทาง หรือผิดพลาดแล้วก็เป็นแบบอาดัม คือ หลงทางและไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขาเป็นใครต่อหน้าพระ และไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน?
ดังนั้น เมื่อเราหลงทาง ขาดความเชื่อ หรือกำลังถูกสิ่งอื่นบดบัง อย่าลืมร้องหาพระเจ้า โดยเฉพาะในเวลาที่เรากำลังเผชิญกับปัญหา ความยากลำบากและต้องการความช่วยเหลือ ขอพียงเราหันหัวใจของเรามาหาพระองค์ เราจะได้ยินพระดำรัสของพระองค์ที่ตรัสกับเราว่า “ทำใจให้ดี เราเอง อย่ากลัวเลย” และถึงแม้เราเองจะมองไม่เห็น หรือจำพระองค์ไม่ได้ก็ตาม แต่ขอให้เชื่อเถิดว่า พระองค์ทรงประทับอยู่เคียงข้างเราเสมอ เพื่อปกป้องดูแลและเป็นท่อธารแห่งพระพรนิรันดรสำหรับเรา
…คุณพ่อปลัด…