สวัสดีครับพี่น้องที่รัก พบกันอีกครั้งในคอลัมน์ “คิดสักนิด..สะกิดใจ” ในวันสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ (The Assumption of the Blessed Virgin Mary) ซึ่งในปีทางวัดของเราได้มีการฉลองแม่พระอัสสัมชัญนี้ 2 ครั้ง นั่นคือ ในวันที่ 15 สิงหาคม และในอาทิตย์นี้ อาทิตย์ที่ 20 สิงหาคม ตามข้อกำหนดของสภาพระสังฆราชแห่งประเทศไทย ปี ค.ศ. 1987 ที่กำหนดให้วันสมโภชนี้เลื่อนไปฉลองในวันอาทิตย์ถัดไป ดังนั้นในอาทิตย์นี้ จึงถือเป็นการสมโภชแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์อย่างเป็นทางการของวัดของเราอีกครั้งหนึ่ง
ที่มาของการฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์นี้ มีจุดกำเนิดในพระศาสนจักรตะวันออกเช่นเดียวกับการฉลองอื่นๆ เกี่ยวกับแม่พระ ก่อนสังคายนาสากลที่เมืองเอเฟซัส ปี ค.ศ. 431 ได้เริ่มมีการฉลองเกี่ยวกับแม่พระในพระศาสนจักร การฉลองนี้กระทำในแบบเดียวกับการฉลองนักบุญมรณสักขีที่พลีชีพ เพื่อเห็นแก่ความเชื่อ ซึ่งบรรดาคริสตชนในสมัยแรกให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก โดยในระยะเริ่มแรก การฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ เกี่ยวเนื่องกับการฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เนื่องจากวันฉลองดังกล่าวเป็นการฉลองวันที่แม่พระเกิดใหม่ในสวรรค์ ต่อมาภายหลังพิธีกรรมของพระศาสนจักรได้พัฒนาไปเป็นวันฉลองการนอนหลับ (Dormitio) ซึ่งเชื่อกันว่าแม่พระไม่ได้ตาย เพียงแต่นอนหลับสนิท และได้รับการยกขึ้นสวรรค์สู่อ้อมพระหัตถ์ของพระเจ้าในสภาพดังกล่าว
ในศตวรรษที่ 6 จักรพรรดิเมาริซซีโอ (Maurizio: 582-620) ได้กำหนดให้ฉลองแม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ในวันที่ 15 สิงหาคม ทั่วอาณาจักรไบเซนทีน และหลังจากนั้นไม่นาน วันที่ 15 สิงหาคม ได้กลายเป็นวันที่ฉลองกันทั่วไป รวมถึงในพระศาสนจักรตะวันตกด้วย พระสันตะปาปาแซร์จิโอที่ 1 ได้บรรจุวันฉลองแม่พระนอนหลับไว้ในปฏิทินโรมัน ในศตวรรษที่ 18 และต่อมาพระสันตะปาปาอาดรีอาโนที่ 1 ได้เปลี่ยนการฉลองการนอนหลับของแม่พระเป็นการฉลองการรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ (Assumption)
ที่สุดพระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ประกาศข้อความเชื่อว่า “พระนางมารีย์ มารดาพระเจ้าผู้ปฏิสนธินิรมลและเป็นพรหมจารีเสมอ ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ หลังจากบรรลุถึงความสมบูรณ์ของชีวิตในโลกนี้” เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นความเชื่อที่เก่าแก่ที่สุดในพระศาสนจักรประการหนึ่งที่บรรดาคริสตชนที่ต่อแม่พระมาเป็นเวลากว่าพันปี เช่นเดียวกับอีกข้อความเชื่ออีก 3 ประการที่พระศาสนจักรเคยประกาศเป็นข้อความเชื่อแล้วก่อนหน้านี้ว่า “พระนางมารีย์แป็นมารดาของพระเจ้า” “พระนางมารีย์ปฎิสนธินริมล” และ “พระนางมารีย์ทรงเป็นพรหมจารีย์เสมอ”
ดังนั้น การรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณของแม่พระ จึงเป็นการมีส่วนในผลแรกแห่งการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้าในฐานะที่แม่พระเป็นมารดาของพระเจ้า (Theotokos) และมีส่วนในงานไถ่กู้ของพระผู้ไถ่ตั้งแต่เริ่มแรก ในบทบาทของคนกลางผู้แจกจ่ายพระหรรษทานของพระเจ้าและความหวังของมนุษยชาติ ดังที่นักบุญอัลฟอนโซ (St. Alphonsus Liguori: 1696-1787) ยืนยันว่า พระคริสตเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้ร่างกายของแม่พระที่ปราศจากบาปต้องเน่าเปื่อยหลังความตาย พระนางจึงได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
นอกนั้น การรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ของแม่พระ ยังถือเป็นการให้เกียรติ และยกย่องผู้หญิงเพราะพระเจ้าได้ประทานพระหรรษทานแก่แม่พระให้บรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์และเกียรติสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นการยกย่องคนยากจน และคนถูกกดขี่ที่กล่าวถึงในบทเพลงสรรเสริญของแม่พระ (Magnificat) ให้ปรากฏเป็นจริง เพราะพระเจ้าทรงให้ความสำคัญกับคนยากจน คนต่ำต้อย และคนสิ้นหวังเป็นลำดับแรกเสมอ และพระสิริรุ่งโรจน์แห่งการประทับอยู่ของพระองค์ในโลกนี้ก็ปรากฏชัดเจนผ่านทางบุคคลต่างๆ เหล่านี้
ด้วยเหตุนี้ การสมโภชพระนางมารีย์รับเกียรติเข้าสู่สวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ จึงเตือนใจเรา คริสตชนทุกคนว่า เป้าหมายแท้จริงในชีวิตของเราคือ สวรรค์ และ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้าในชีวิตหลังความตาย ดังนั้น การดำเนินชีวิตของเราในโลกนี้จึงไม่ควรปล่อยตัวปล่อยใจ และหลงระเริงกับกระแสหรือค่านิยมทางโลก แต่เราคริสตชนต้องดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของพระแม่ ผู้ดำเนินชีวิตด้วยความงดงามแห่งความเชื่อ ความไว้วางใจ และเลือกที่จะทำทุกอย่างตามพระประสงค์ของพระเจ้า บนเส้นทางของ “ผู้รับใช้ที่ต่ำต้อยของพระเจ้า” ที่เป็นแบบอย่างสำหรับเรามนุษย์ทุกยุคสมัย
…คุณพ่อปลัด…